แต่ก่อน มีแม่ทัพคนหนึ่งเล่น หมากล้อม เก่งมาก ฝีมือแม่ทัพดีหาคนเล่นชนะได้ยาก และก็ภูมิใจในฝีมือตนมาก
วันหนึ่ง แม่ทัพออกรบ ผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง มีป้ายติดว่า “หมากล้อม อันดับ 1 ของ
ประเทศ”
แม่ทัพเห็นแล้วรู้สึกไม่ยอมรับในใจ จึงพักทัพ แวะเข้าไปหาเจ้าของบ้าน ขอประลองหมากล้อมด้วย
ปรากฎว่า เจ้าของบ้านแพ้ทั้ง 3 กระดาน
แม่ทัพยิ้ม เอามือลูบเครา พลางหัวเราะใส่เจ้าของบ้าน “เหอะๆ..แกเอาป้ายลงได้แล้ว”
แล้วแม่ทัพก็ไปออกรบด้วยความกระหยิ่มในฝีมือการวาง หมากล้อม และวิสัยทัศน์ในกลยุทธของตน
หลังจากนั้นไม่นาน แม่ทัพรบชนะกลับมา ผ่านมาที่เดิม
ก็ยังเห็นป้าย อันดับ 1 แขวนอยู่ที่บ้านหลังเดิม ก็อดไม่ได้ แม่ทัพจึงเข้าไปหาเจ้าของบ้าน และท้าดวลอีก
คราวนี้แม่ทัพบอกสำทับเจ้าของบ้านว่า เล่นให้ดี ถ้าชนะจะให้รางวัล แต่ถ้าแพ้ จะปลดป้ายอวดดีที่ติดไว้หน้าบ้านทิ้ง
แต่ปรากฎว่าครั้งนี้ แม่ทัพกลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงทั้ง 3 กระดาน ไม่เหลือเค้าลางความเก่งเดิมที่เคยทะนงในฝีมือ
แม่ทัพประหลาดใจมาก ถามเจ้าของบ้านว่าเพราะอะไร ?
ไปฝึกที่ไหนเพื่อมาแก้มือหรือเปล่า ?
รู้สึกไม่อาจยอมรับได้ว่าเจ้าของบ้านเก่งกว่า เลยอ้างว่าเพิ่งเดินทัพกลับมายังเหนื่อยล้า พรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยใหม่
เป็นอย่างนี้ สามวัน ทุกวันแม่ทัพแพ้หมากล้อมอย่างหมดรูป 3 กระดาน ทั้งสามวัน จนไม่อาจไม่ยอมรับว่าฝีมือ
ตนด้อยกว่า และไม่มีเหตุผลใดกล่าวอ้างอีก จึงยอมรับนับถือฝีมือเจ้าบ้านอย่างจริงใจ ยอมตบรางวัลให้ตามสัญญา
แต่ก็ยังอดถามไม่ได้ว่า แล้วทำไม
เจ้าบ้านขอร้องให้แม่ทัพรับปากว่าถ้าตอบตามจริงแล้วจะไม่มีโทษ แม่ทัพให้สัตย์
เจ้าของบ้านจึงตอบตามตรงว่า
เพราะท่านเป็นแม่ทัพ และข้าเป็นผู้น้อย
วันแรกที่เจอกัน ท่านเดินทัพไปรบ แต่กลับอดไม่ได้ต้องแวะมาลองฝีมือกับข้าพเจ้า ย่อมแสดงว่าท่านรู้สึกไม่ยอม
รับนับถือผู้ใดในสิ่งที่ท่านคิดว่าท่านเก่งกว่า
อีกทั้งเมื่อเดินหมากท่วงทีกลยุทธเดินหมากท่านดุดันวางรุกรุนแรงหมายกินพื้นที่ไม่เหลือ มุ่งหมายชนะฝ่ายเดียว
ข้าพเจ้าจึงรู้ว่าแพ้ชนะมีผลต่อความมั่นใจของท่านในการออกรบ ครั้งก่อนนั้น ท่านกำลังมีภารกิจต้องไปออกรบ
ข้าน้อยจะไปลบเหลี่ยม ทำให้ท่านหมดขวัญกำลังใจไม่ได้
แต่ครั้งนี้ ท่านชนะกลับมา และบังคับให้ข้าน้อยเล่นอีก ถ้าแพ้จะปลดป้ายของข้าน้อยออก จึงมิอาจออมมือให้แล้ว
ขอรับ”
แม่ทัพพยักหน้ายอมรับในเหตุผล ที่เจ้าของบ้านอ่านได้กระจ่าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าไม่พึงใจออกมา แต่
ก็ไม่ว่ากระไร มอบรางวัลแล้วกลับไปยังทัพของตน
พอถึงที่พักก็คิดว่า คนที่อ่านกลหมากได้จนรู้ความคิดอ่านของตนย่อมจะเป็นภัย ใครรู้ว่าแม่ทัพแพ้หมดรูปขนาด
นั้นถึงไหนอายถึงนั่น จึงสั่งลูกน้องคนสนิทให้ไปฆ่าเจ้าของบ้านเสีย
โดยให้เหตุผลว่าถ้าข้าศึกรู้ว่ามีคนนี้อยู่อาจเอาไปใช้เป็นประโยชน์ในการศึกคราวต่อไป แต่เมื่อไปถึง เจ้าของ
บ้านก็เก็บของและป้ายนั้นพร้อมออกเดินทางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
คนที่เก่งจริงในโลกนี้ คือคนชนะได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชนะ
มีใจกว้างขวางพอที่จะให้คนอื่นได้ชนะ ได้ภูมิใจในฝีมือของตน
ได้ไปรบในสนามรบของตนอย่างมั่นใจ
การใช้ชีวิต ก็เหมือนกัน.....
รู้ ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่พูด ใช่ว่าจะไม่รู้
หากคุณพูดในสิ่งที่คุณรู้ แต่เป็นเรื่องที่เจ้าของเรื่องไม่อยากให้รู้ หรือไม่คิดว่าคนอื่นจะรู้ คุณไม่ได้มิตร แต่ได้ศัตรู
คนทุกคนบอกว่ารับความจริงได้ ต้องการให้คุณพูดความจริง แต่พอคุณพูดแล้ว ใช่ว่าจะรับได้ทุกคน อาจจะโกรธ
คุณอีกต่างหาก ที่รู้ความจริงในใจ หรือความคิดของเขา
การที่เขาบอกให้คุณพูดความจริง ที่จริงแค่ต้องการจะรู้ว่าคุณรู้เท่าไหน แต่ไม่ได้หมายความว่ารับความจริงได้
เมื่อรู้ว่าคุณรู้เยอะมาก เยอะกว่าที่เขาคาดไว้ เขาย่อมโกรธคุณ เพราะ “รู้ทัน” หรือไม่ทำใจยอมรับได้ว่า ในเรื่อง
นั้นคุณเก่งกว่า รู้เยอะกว่าเขา
ต่อหน้าคนใจแคบ คุณต้องใจกว้าง ถ้าทำใจกว้างไม่ได้ ก็ต้องแกล้งโง่ เพราะไม่มีทางทำให้เขาพึงใจในความเก่ง
ของคุณได้ ต่อให้เขายอมรับก็ยอมรับด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม และมุ่งจะเอาชนะท่านให้ได้ มีแต่เสียกับเสีย
ต่อหน้าคนใจกว้าง คูณแสดงความสามารถได้ตามจริง เต็มเท่าที่คุณมี แต่ก็ยากนักที่จะเจอคนใจกว้างได้ง่ายๆ ใน
สังคมปัจจุบัน
คนเก่งหมากล้อมอ่านพินิจวิธีการเดินหมากล้อมก็เห็นความคิดอ่าน
คนเก่งใช้ชีวิต ก็ต้องอ่านพินิจวิธีคิดอ่านของคนที่ตนพบด้วย เพราะมีผลต่อการปฏิสัมพันธ์กันในอนาคต
gnitethailand.com