2557/03/28

อานาปานสติ ณ เสถียรธรรมสถาน หรือการปฏิบัติธรรม นุ่งขาว ห่มขาวนั่นเอง

อานาปานสติ ณ เสถียรธรรมสถาน
การเดินทางไปปฏิบัติธรรม ที่เสถียรธรรมสถาน เราเดินทางไปถึงก่อน 4 โมงเย็น จึงเข้าไปสำรวจพื้นที่ก่อนเพราะที่นั้นไม่มีที่จอดรถต้องจอดริมถนนซึ่งจอดได้ถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น  เดินเข้าไปเพื่อเยี่ยมชมสถานที่แล้วก็ได้พบกับแม่ชีศันสนีย์ โดยไหว้ด้วยใจที่น้อบน้อมแต่ไม่ได้แนะนำตัวว่าเราคือใครเพราะไม่อยากเปิดเผยตัว อยากมาแบบเงียบๆ  แล้วก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งว่า ถ้าเอารถมาผมต้องเอาไปจอดที่ไหนครับ เขาแจ้งว่าลองขับไปที่ TV Direct แล้วถามรปภ.ว่าขอจอด    แว้บแรกกะว่าจะถอดใจไม่เข้าร่วมแล้ว และกะจะขับรถกลับเลย แต่แว้บสองก็ลองซะหน่อยนะเดี๋ยวก็คงมีที่จอดรถ  จึงตัดสินใจขับไปที่ TV Direct แล้วแจ้งรปภ.ว่าขอจอดหน่อยนะครับพี่ แล้วพี่คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร ทาง รปภ.ก็ยิ้มแล้วแจ้งว่าไม่คิดครับพี่ แล้วแต่พี่จะให้เป็นค่ายากันยุง ค่าน้ำเย็น เพราะอากาศร้อน  เราก็เลยให้ไป 100 บาท เพื่อความสบายใจ แล้วเป็นการช่วยเหลือพี่รปภ.ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งพี่เขาก็แนะนำดีว่าให้ล๊อกรถให้สนิท แล้วอย่าลืมของอะไรไว้ในรถนะครับ
          ได้เวลา 4 โมงเย็น ก็เดินไปลงทะเบียน แล้วใส่ซองถวายปัจจัยตามที่เราเขียนไว้ (ตามกำลังตนเอง และกำลังศรัทธา)  พร้อมกับถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ ณ สถานที่แห่งนี้ บรรยากาศดีมาก มีไอน้ำเย็นสบายแล้วต้นไม้เขียวขจีสวยงามตามคำร่ำลือจริงๆ ชอบกับบรรยากาศที่นี้พอสมควร  ทางแม่ชีที่ดูแลตรงจุดลงทะเบียน ได้ให้บัตรที่เขียนชื่อตนเอง แล้วห้องพัก 401  อาคาร ไตรสิกขา  เดินตามเจ้าหน้าที่เพื่อไปที่พักแล้วก็ต้องอึ้งกับที่พัก เพราะเป็นอาคาร 4 ชั้นที่สร้างขึ้นมาแบบเรียบง่าย  เราพักที่ชั้น 4 พอเข้าไปแล้วชอบห้องพักมาก เป็นห้องพักที่มีห้องน้ำในตัว เตียงขนาดกะทัดรัด ซึ่งนับว่าโชคดีช่วงที่เราไปอากาศตอนเย็นก็กลับมาเย็นสบายอีกครั้ง ไม่ถึงกับร้อนมาก  ชื่นชมกับห้องพักและทำธุระส่วนตัวเสร็จ  ก็รีบเปลี่ยนเสื้อขาวเพื่อไปร่วมกิจกรรมแรก คือ การโยคะ  เรารู้สึกสนุกกับการทำโยคะมาก แล้วเห็นว่าหลายท่าที่เขาให้ทำ เราก็ทำไม่ค่อยจะได้เพราะเส้นมันตึงมาก หลังกจากนั้นก็มีการปฐมนิเทศ โดยแจ้งว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่จะมีการยกยอดฉัตรในวันรุ่งขึ้น (เสาร์ 22 ก.พ.)  ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปาฏิหาริย์ที่เราจะได้ร่วมทำบุญยกยอดฉัตรครั้งแรกในชีวิต  โดยนึกไม่ถึงว่าจะได้มาร่วมงานยกยอดฉัตร และก็แอบงงๆว่า การยกยอดฉัตรนั้นมีความสำคัญอย่างไร

          ยามเย็นหลังจากปฐมนิเทศเสร็จ เขาก็ปล่อยอิสระให้กับผู้ที่จะเข้ามาอบรม ซึ่งเราก็เดินไปเดินมาที่โรงอาหารซึ่งทางร้านค้าเขายังไม่ปิด เขาก็พูดว่าสั่งอาหารได้นะค่ะ เดี๋ยวครัวปิด 6 โมงแล้วสั่งไม่ได้นะค่ะ  ด้วยความหิวข้าวเย็นก็เลยสั่งข้าวไข่เจียวเห็ดราดข้าวมากิน  เป็นอาหารที่อร่อยมาก ชอบๆ เมนูนี้ เอาไว้วันเหลังจะกลับไปสั่งกินเรื่อยๆ แทนใส่หมูสับ
          เวลา 1 ทุ่ม แม่ชีศันสนีย์ ลงมาบรรยายธรรม เล่าถึงที่มาว่าทำไมถึงมีการยกยอดฉัตรกันที่นี้ เพราะท่านต้องการทำถวายองค์พระโพธิสัตว์ที่เป็นปางผู้หญิง เรียกว่า พระอารยตารามหาโพธิสัตว์  พร้อมกับเล่าประวัติคร่าวๆ เกี่ยวกับการไปช่วยเหลือประชาชนชาวพม่าที่โดนพายุนากีสถล่มเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จึงได้รู้จักกับท่านพระอาจารย์สยาดอร์ไจทีเซา แห่งวัดไจทีเซา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์  แล้วขอให้ท่านมาเป็นประธานในวันพรุ่งนี้  แม่ชีได้ขอให้พวกเราทำกุศลครั้งนี้ด้วยใจที่ไม่มีอคติ และเราจะมีกำลังในการทำงานแล้วถึงจะมีกำลังดึงความดีที่มีอยู่รอบตัวเรามาให้การทำงานนั้นสำเร็จ  การนั่งฟังในครั้งนี้เราก็ได้นั่งข้างๆ กับคนพม่าด้วยจึงได้ส่งยิ้มไปให้กับเขาด้วย แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยไมตรี  หลังจากบรรยายธรรมเสร็จก็สวดมนต์ชุมนุมเทวดา ทำให้เราขนลุกซู่พอสมควร   พอได้เวลาก็ขึ้นไปที่พักเพื่อพักผ่อน โดยเราก็อาบน้ำอาบท่าแล้วก็นอน แต่ช่วงแรกนอนไม่ค่อยหลับ คงเป็นเพราะต่างที่นอนก็นอนพักไปประมาณ 30 นาทีได้ถึงจะหลับ

          เช้ามืดรุ่งขึ้น 4.40 น. ตื่นขึ้นแล้วลงไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้วก็กินข้าวช่วง 7 โมงเช้า วันนี้มีงานใหญ่ ทางเสถียรฯ เลยมีข้าวต้มข้าวกล้องใส่เห็ด ใส่ฟักทอง ให้กินแล้วไม่ต้องใช้จานของตัวเอง อาหารรสชาติดีมากๆ กินไป 2 ถ้วยเลย
          เวลา 8.30 น. พระอาจารย์มาถึงสถานที่แห่งนี้โดยท่านกล่าวให้พร แล้วพวกเราก็กล่าวรับเป็นภาษาพม่า สาธุ” 9 ครั้ง   พิธีการก็เริ่มขึ้นโดยแม่ชีศันสนีย์ ยกยอดฉัตรที่ตั้งอยู่ชั้น 1 เดินรอบๆ เสถียรฯ แล้วขึ้นสู่อาคารชั้น 3 เพื่อไปทำพิธีกรรมด้านบนอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการใส่ของมีค่าและรูปพระต่างๆ ไว้ในยอดฉัตรแล้วนำขึ้นไปประกอบบนฉัตรอีกครั้ง   หลังจากนั้นก็มีการสวดเพื่อให้พิธีการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราได้ร่วมพิธีกรรมครั้งนี้ เพื่อให้ชีวิตมีบุญกุศลสูงสุดเหมือนยอดฉัตร
          เวลา 11.00 น. ลงมาจากด้านบนเพื่อกินข้าวเที่ยง  อาหารเยอะมากมาย บรรยากาศก็วุ่นวายนิดหน่อย คล้ายๆ กับงานฉลองวัดทั่วไปที่เราเคยไป เราก็นั่งดูผู้คนเดินไปเดินมา แล้วก็ลองซื้อ น้ำสัปะรดกับใบสะระแหน่ปั่น มานั่งดื่มก็สร้างความสดชื่นให้กับตัวเองได้ดีเหมือนกัน
          ช่วงบ่าย ยินดีกับคนที่ได้รับรางวัล ตาราอวอร์ด”  แล้วไปเดินจงกลม หลังจากนั้นไปนั่งฟังธรรมบรรยายอีกครั้ง  คำพูดที่ชอบคือ  “ปัจจุบันสำคัญที่สุด”   ช่วงค่ำทำวัตรเย็น บนยอดตึกอีกครั้งได้นั่งดูพระอาทิตย์อัสดง บนยอดตึก  3 ชั้นแห่งนี้  ตอนค่ำก่อนเข้านอนได้ถามแม่ชีว่า ความหมายของคำว่า บุญใหญ่ คืออะไร?”  แม่ชีตอบว่า คือการให้อภัยตนเอง แล้วทำคนรอบข้างให้มีความสุขที่สุด” 
          วันที่สามของการปฏิบัติธรรม ตื่นไม่ทันพวกเขาไปโยคะสมาธิตอนเช้า แต่ก็ทันกินข้าวเช้า แล้วเข้าร่วมกิจกรรมการถ่ายทอดสดวิทยุ บางเขน AM 1107 KHz และ internet ยามเช้า 9.00 น. ของทุกวันอาทิตย์  แม่ชีศันสนีย์ลงมาบรรยายธรรมด้วยตนเอง แล้วกล่าวถึงงานเมื่อวานว่า การยกยอดฉัตร เป็นอุบายที่มีมาแต่โบราณ ที่จะทำให้สาวกหรือประชาชนมีสามัคคีธรรม ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานนี้ให้สำเร็จ เพราะหากไม่มีความสามัคคีแล้วนั้น การงานทุกอย่างก็คงไม่สำเร็จ   (เป็นการเฉลยคำถามที่คาใจเราในวันแรกได้เป็นอย่างดี)  
ยอดฉัตรทำจากทอง   ซึ่งแม่ชีได้สอน คำ 3 คำ คือ GOLD  GOAL GO 
GOLD ที่แปลว่าทอง นั้นเป็นของมีค่าที่คนนำมาให้ต้องเสียสละ
GOAL เป็นเป้าหมายที่วางไว้ว่างานที่คนเสียสละด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ใดๆ นั้นต้องสำเร็จ
GO  แล้วพวกเราก็ Let’s GO.  เพื่อเดินหน้าทำงานต่อ
เพราะหากพวกเราจมอยู่กับ GOLD ที่เป็นว่าทองเพียงอย่างเดียว เราจะหลงและปลื้มมันไปในทางที่ผิดแต่ถ้าเรารู้จักใช้แล้วมุ่งมั่นกับงานที่จะเกิดขึ้นมันก็จะสำเร็จได้เป็นอย่างดี  หลังจากท่านบรรยายเสร็จท่านก็ขอตัวเดินทางไปสนามบิน เพื่อจะเดินทางไปประเทศอินเดียในการยกยอดฉัตรที่ประเทศอินเดียอีกครั้งหนึ่ง

          กิจกรรมสุดท้ายที่เราเข้าร่วม คือ การบรรยายธรรมของแม่ชีโอ๊ะ  เป็นแม่ชีรุ่นใหม่ ที่สอนให้เข้าใจชีวิต แล้วใช้ video present ต่างๆ ที่มีอยู่มานำเสนอได้อย่างชัดเจน แล้ว ก็ให้พวกเรามีความสุขเล็กๆ ด้วยการนวดคนข้างหน้า แล้วก็ให้เขานวดเรากลับด้วยอีกทีหนึ่ง พร้อมกับนั่งสมาธิโดยการใช้เพลง ดั่งดอกไม้บาน   ทำให้ใจเราสงบเย็นแล้วเป็นการยืดเส้นยืดสายที่ดีมากอย่างหนึ่ง
จบเที่ยง เราก็ลงทะเบียนออกแล้วเขียนใบประเมินเป็นที่เรียบร้อย  ซึ่งในรอบนี้มีผู้ชายเพียง 4 คนเท่านั้น
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ผมได้มาในครั้งนี้  ซึ่งเราเองก็ตั้งใจมานานแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเสถียรธรรมสถานแล้วเคยส่งพนักงานที่เราดูแลให้เขาได้มาฝึกปฏิบัติธรรมมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว  มาครั้งนี้เราเองก็สัมผัสแล้วฝึกด้วยตนเอง ซึ่งเราก็สัญญาว่าจะนำไปฝึกต่อที่บ้านเท่าที่เราจะทำได้ เพราะเป็นการตั้งสติให้กับตัวเรา และบุคคลรอบข้าง