บริษัทในเครือบุญถาวรเซรามิค
ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 และดำเนินการขยายกิจการจนมาถึงปัจจุบัน ผู้นำองค์กรนี้บริหารงานโดยอาศัยข้อมูลในอดีตมาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้
ช่วงแรก ปี พ.ศ.2515 – 2525
เจ้าของธุรกิจผู้บุกเบิก บุญถาวร พื้นเพเป็นคนกรุงเทพ และครอบครัวทางกิจการค้าขายวัสดุก่อสร้างและปูนซิเมนต์ แถวมหาพฤฒธาราม ในช่วงปี พ.ศ.2521 ได้ย้ายธุรกิจครอบครัวไปที่บริเวณชานเมือง ถ.งามวงศ์วาน เพราะเล็งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ขยายตัวขึ้น และผู้คนมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านจัดสรรกำลังเป็นที่นิยม และกระจายออกไปชานเมืองมากขึ้น ประกอบกับการห้ามนำเข้าสุขภัณฑ์และกระเบื้องเซรามิคจากต่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้าสองประเภทนี้ค่อนข้างแพง และสามารถทำตลาดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ พร้อมกับเริ่มพิจารณาตลาดค้าวัสดุในแนวใหม่ โดยมุ่งเน้นเฉพาะที่ กระเบื้องเซรามิคปูพื้น – บุผนัง และสุขภัณฑ์เซรามิค ช่วงที่ย้ายไปที่งามวงศ์วาน ได้ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนโฉมหน้าร้านค้าสุขภัณฑ์ เพื่อตอบสนองลูกค้าเจ้าของบ้านซึ่งมาเลือกสรรวัสดุ และสุขภัณฑ์ด้วยตนเอง จึงได้เริ่มทำ ห้องน้ำตัวอย่าง (Mock-up Room) เพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นภาพ เกิดจินตนาการสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถตัดสินใจเลือกสินค้าได้เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณที่ลูกค้ามีอยู่ได้
โดยมีการอบรมพนักงานให้มีความรู้ ความชำนาญให้คำแนะนำและตอบข้อข้องใจต่างๆ ซึ่งขณะนั้นร้านอื่นๆ ยังคงให้เจ้าของร้านทำหน้าที่นี้ ซึ่งก็นับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสการขาย และการรับรองลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ร้านค้าใหม่นี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนการจัดวางสินค้า ให้คล้ายกับห้างสรรพสินค้า และมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในร้าน ตลอดจนมีการจัดให้มีการโชว์สินค้าทุกยี่ห้อ ให้ลงสนามแข่งขันกันอย่างเสรี
ช่วงที่สอง ปี พ.ศ.2526-2535
ร้านที่งามวงศ์วานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจค้าเซรามิค สุขภัณฑ์นี้คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เจ้าของธุรกิจได้มองหาทำเลใหม่ในการตั้งร้านค้าให้ใหญ่กว่าเดิม เนื่องจากที่เดิมนั้นเป็นตึกแถวไม่กี่คูหา ด้วยถือหลักในการบริหารว่า หากร้านจำหน่ายของดี มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลูกค้าก็จะยังติดตามไปใช้บริการ และแหล่งใหม่ก็คือ ถ.รัชดาภิเษก โดยมาเปิดกิจการในปี พ.ศ.2527 และมีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการออกแบบและปรับเปลี่ยนห้องน้ำตัวอย่างให้ลูกค้าได้ชม ทุก 3-4 เดือน ทำให้กการขายสินค้ามีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น บุญถาวรจึงได้เริ่มนำระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยในการควบคุมปริมาณงาน และลดต้นทุน โดยเฉพาะช่วยในด้านการเช็คจำนวนสินค้าคงคลังควบคู่ไปกับระบบการจัดจำหน่าย พนักงานหน้าร้านสามารถเช็คสินค้าที่ลูกค้าต้องการที่มีอยู่ในคลังสินค้าได้อย่างถูกต้อง และระบบคอมพิวเตอร์นี้ยังช่วยในการออกใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษีตามระบบการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกต้อง เป็นเจ้าแรกของร้านค้าสุขภัณฑ์
ช่วงที่สาม ปี พ.ศ.2536-2545
จากสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวรวดเร็วทำให้มีการตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมกับเพื่อน และขยายสาขาออกไปเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเปิดที่ สาขารังสิต (พ.ศ.2537) , สาขาปิ่นเกล้า และบางนา (พ.ศ.2538) และสาขาธนบุรีปากท่อ (พ.ศ.2543)
ธุรกิจมีการขยายในแนวกว้าง และก็ย่อมมีการขยายในแนวลึก ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ กล่าวคือ ได้ขยายการลงทุนเปิดบริษัท ผลิตสินค้า และนำเข้ากระเบื้องเซรามิค จากต่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการห้ามนำเข้า ทำให้มีบุญถาวร สามารถมีสินค้าที่มีความแตกต่าง และหลากหลายกว่าร้านค้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด
ในระยะเวลาที่มีการขยายงานและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบุญถาวร ทำให้การบริหารงานหลายอย่างปรับเปลี่ยน จากระบบการทำงานในรูปแบบครอบครัว ได้พัฒนาขึ้นเป็นการทำงานในรูปแบบของบริษัทอย่างเต็มตัว มีการกระจายอำนาจบริหารสู่มืออาชีพจากองค์กรภายนอก มีการแสวงหาบุคลากรที่มีความชำนาญ ความสามารถเฉพาะด้านมาร่วมงานด้วย
ช่วงที่สี่ ปี พ.ศ.2546- ปัจจุบัน
คณะผู้บริหารในองค์กรได้ปรับกลยุทธ์โดยการมุ่งเน้นพัฒนาคน พัฒนาองค์กรมากขึ้น โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้านของการพัฒนาคน ได้แก่
ด้านความรู้-มีการจัดฝึกอบรมพนักงานเก่าในด้านการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เช่น การออกแบบ 3 มิติ เป็นต้น และจัดฝึกอบรมให้กับพนักงานใหม่ได้ด้านความรู้สินค้าที่บุญถาวรจำหน่ายทั้งหมด
ด้านทักษะ-มุ่งเน้นในทักษะการขาย สำหรับพนักงานใหม่ๆ ที่เข้ามา โดยใช้ระบบพี่เลี้ยง และการฝึกอบรมเป็นเครื่องมือในการสอนทักษะเหล่านี้ สำหรับพนักงานสายวิชาชีพ เช่น สถาปนิก, มัณฑนากร ได้มีการจัดให้มีทักษะในการพูดคุยกับลูกค้า และรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพื่อให้การออกแบบนั้นสามารถเข้าถึง และเข้าใจลูกค้าได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้แบบห้องน้ำ ห้องครัว ที่ออกมานั้นสามารถขายได้ทันที
ด้านทัศนคติ-มีการอบรมและให้หัวหน้างานเป็นคนบอกกล่าว และจัดให้มีการแลกเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานระหว่างหน่วยงานอีกด้วย ตลอดจนเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงออก และสามารถแสดงความคิดเห็นในงานที่ตนเองปฏิบัติหรือรับผิดชอบอยู่ได้อย่างเต็มที่ เช่น โครงการ KAIZEN ที่ให้พนักงานในทุกระดับ ทุกฝ่าย ได้เสนอความคิดเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงาน หรือระบบในการทำงานที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ โดยมีการประกวดและนำความคิดเหล่านั้นมาปฏิบัติจริงต่อไป
ช่วงแรก ปี พ.ศ.2515 – 2525
เจ้าของธุรกิจผู้บุกเบิก บุญถาวร พื้นเพเป็นคนกรุงเทพ และครอบครัวทางกิจการค้าขายวัสดุก่อสร้างและปูนซิเมนต์ แถวมหาพฤฒธาราม ในช่วงปี พ.ศ.2521 ได้ย้ายธุรกิจครอบครัวไปที่บริเวณชานเมือง ถ.งามวงศ์วาน เพราะเล็งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ขยายตัวขึ้น และผู้คนมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านจัดสรรกำลังเป็นที่นิยม และกระจายออกไปชานเมืองมากขึ้น ประกอบกับการห้ามนำเข้าสุขภัณฑ์และกระเบื้องเซรามิคจากต่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้าสองประเภทนี้ค่อนข้างแพง และสามารถทำตลาดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ พร้อมกับเริ่มพิจารณาตลาดค้าวัสดุในแนวใหม่ โดยมุ่งเน้นเฉพาะที่ กระเบื้องเซรามิคปูพื้น – บุผนัง และสุขภัณฑ์เซรามิค ช่วงที่ย้ายไปที่งามวงศ์วาน ได้ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนโฉมหน้าร้านค้าสุขภัณฑ์ เพื่อตอบสนองลูกค้าเจ้าของบ้านซึ่งมาเลือกสรรวัสดุ และสุขภัณฑ์ด้วยตนเอง จึงได้เริ่มทำ ห้องน้ำตัวอย่าง (Mock-up Room) เพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นภาพ เกิดจินตนาการสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถตัดสินใจเลือกสินค้าได้เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณที่ลูกค้ามีอยู่ได้
โดยมีการอบรมพนักงานให้มีความรู้ ความชำนาญให้คำแนะนำและตอบข้อข้องใจต่างๆ ซึ่งขณะนั้นร้านอื่นๆ ยังคงให้เจ้าของร้านทำหน้าที่นี้ ซึ่งก็นับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสการขาย และการรับรองลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ร้านค้าใหม่นี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนการจัดวางสินค้า ให้คล้ายกับห้างสรรพสินค้า และมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในร้าน ตลอดจนมีการจัดให้มีการโชว์สินค้าทุกยี่ห้อ ให้ลงสนามแข่งขันกันอย่างเสรี
ช่วงที่สอง ปี พ.ศ.2526-2535
ร้านที่งามวงศ์วานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจค้าเซรามิค สุขภัณฑ์นี้คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เจ้าของธุรกิจได้มองหาทำเลใหม่ในการตั้งร้านค้าให้ใหญ่กว่าเดิม เนื่องจากที่เดิมนั้นเป็นตึกแถวไม่กี่คูหา ด้วยถือหลักในการบริหารว่า หากร้านจำหน่ายของดี มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนลูกค้าก็จะยังติดตามไปใช้บริการ และแหล่งใหม่ก็คือ ถ.รัชดาภิเษก โดยมาเปิดกิจการในปี พ.ศ.2527 และมีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการออกแบบและปรับเปลี่ยนห้องน้ำตัวอย่างให้ลูกค้าได้ชม ทุก 3-4 เดือน ทำให้กการขายสินค้ามีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น บุญถาวรจึงได้เริ่มนำระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยในการควบคุมปริมาณงาน และลดต้นทุน โดยเฉพาะช่วยในด้านการเช็คจำนวนสินค้าคงคลังควบคู่ไปกับระบบการจัดจำหน่าย พนักงานหน้าร้านสามารถเช็คสินค้าที่ลูกค้าต้องการที่มีอยู่ในคลังสินค้าได้อย่างถูกต้อง และระบบคอมพิวเตอร์นี้ยังช่วยในการออกใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษีตามระบบการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกต้อง เป็นเจ้าแรกของร้านค้าสุขภัณฑ์
ช่วงที่สาม ปี พ.ศ.2536-2545
จากสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวรวดเร็วทำให้มีการตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมกับเพื่อน และขยายสาขาออกไปเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเปิดที่ สาขารังสิต (พ.ศ.2537) , สาขาปิ่นเกล้า และบางนา (พ.ศ.2538) และสาขาธนบุรีปากท่อ (พ.ศ.2543)
ธุรกิจมีการขยายในแนวกว้าง และก็ย่อมมีการขยายในแนวลึก ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ กล่าวคือ ได้ขยายการลงทุนเปิดบริษัท ผลิตสินค้า และนำเข้ากระเบื้องเซรามิค จากต่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการห้ามนำเข้า ทำให้มีบุญถาวร สามารถมีสินค้าที่มีความแตกต่าง และหลากหลายกว่าร้านค้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด
ในระยะเวลาที่มีการขยายงานและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบุญถาวร ทำให้การบริหารงานหลายอย่างปรับเปลี่ยน จากระบบการทำงานในรูปแบบครอบครัว ได้พัฒนาขึ้นเป็นการทำงานในรูปแบบของบริษัทอย่างเต็มตัว มีการกระจายอำนาจบริหารสู่มืออาชีพจากองค์กรภายนอก มีการแสวงหาบุคลากรที่มีความชำนาญ ความสามารถเฉพาะด้านมาร่วมงานด้วย
ช่วงที่สี่ ปี พ.ศ.2546- ปัจจุบัน
คณะผู้บริหารในองค์กรได้ปรับกลยุทธ์โดยการมุ่งเน้นพัฒนาคน พัฒนาองค์กรมากขึ้น โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้านของการพัฒนาคน ได้แก่
ด้านความรู้-มีการจัดฝึกอบรมพนักงานเก่าในด้านการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เช่น การออกแบบ 3 มิติ เป็นต้น และจัดฝึกอบรมให้กับพนักงานใหม่ได้ด้านความรู้สินค้าที่บุญถาวรจำหน่ายทั้งหมด
ด้านทักษะ-มุ่งเน้นในทักษะการขาย สำหรับพนักงานใหม่ๆ ที่เข้ามา โดยใช้ระบบพี่เลี้ยง และการฝึกอบรมเป็นเครื่องมือในการสอนทักษะเหล่านี้ สำหรับพนักงานสายวิชาชีพ เช่น สถาปนิก, มัณฑนากร ได้มีการจัดให้มีทักษะในการพูดคุยกับลูกค้า และรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพื่อให้การออกแบบนั้นสามารถเข้าถึง และเข้าใจลูกค้าได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้แบบห้องน้ำ ห้องครัว ที่ออกมานั้นสามารถขายได้ทันที
ด้านทัศนคติ-มีการอบรมและให้หัวหน้างานเป็นคนบอกกล่าว และจัดให้มีการแลกเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานระหว่างหน่วยงานอีกด้วย ตลอดจนเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงออก และสามารถแสดงความคิดเห็นในงานที่ตนเองปฏิบัติหรือรับผิดชอบอยู่ได้อย่างเต็มที่ เช่น โครงการ KAIZEN ที่ให้พนักงานในทุกระดับ ทุกฝ่าย ได้เสนอความคิดเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงาน หรือระบบในการทำงานที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ โดยมีการประกวดและนำความคิดเหล่านั้นมาปฏิบัติจริงต่อไป
วิสัยทัศน์ในอนาคตของบุญถาวร “เป็นผู้นำศูนย์การค้าเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ของห้องน้ำ ห้องครัว ในระดับประเทศ” บริษัทฯ มีแผนการลงทุนขยายสาขา ออกไปในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นที่พัทยา, หัวหิน, เชียงใหม่, ภูเก็ต เป็นต้น และลงทุนด้านศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้การส่งสินค้าถึงมือลูกค้าด้วยความสะดวก รวดเร็ว และตรงตามเวลานัดหมาย อีกทั้งยังลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากร เพื่อนำไปสู่ความก้าวหน้าทางธุรกิจด้านนี้ของประเทศด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการไปสู่จุดหมายอันสูงสุด และต้องรับผิดชอบต่อสังคม พัฒนางานและคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ให้สามารถให้บริการสังคมด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานของบุญถาวร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น