2557/03/28

อานาปานสติ ณ เสถียรธรรมสถาน หรือการปฏิบัติธรรม นุ่งขาว ห่มขาวนั่นเอง

อานาปานสติ ณ เสถียรธรรมสถาน
การเดินทางไปปฏิบัติธรรม ที่เสถียรธรรมสถาน เราเดินทางไปถึงก่อน 4 โมงเย็น จึงเข้าไปสำรวจพื้นที่ก่อนเพราะที่นั้นไม่มีที่จอดรถต้องจอดริมถนนซึ่งจอดได้ถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น  เดินเข้าไปเพื่อเยี่ยมชมสถานที่แล้วก็ได้พบกับแม่ชีศันสนีย์ โดยไหว้ด้วยใจที่น้อบน้อมแต่ไม่ได้แนะนำตัวว่าเราคือใครเพราะไม่อยากเปิดเผยตัว อยากมาแบบเงียบๆ  แล้วก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งว่า ถ้าเอารถมาผมต้องเอาไปจอดที่ไหนครับ เขาแจ้งว่าลองขับไปที่ TV Direct แล้วถามรปภ.ว่าขอจอด    แว้บแรกกะว่าจะถอดใจไม่เข้าร่วมแล้ว และกะจะขับรถกลับเลย แต่แว้บสองก็ลองซะหน่อยนะเดี๋ยวก็คงมีที่จอดรถ  จึงตัดสินใจขับไปที่ TV Direct แล้วแจ้งรปภ.ว่าขอจอดหน่อยนะครับพี่ แล้วพี่คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร ทาง รปภ.ก็ยิ้มแล้วแจ้งว่าไม่คิดครับพี่ แล้วแต่พี่จะให้เป็นค่ายากันยุง ค่าน้ำเย็น เพราะอากาศร้อน  เราก็เลยให้ไป 100 บาท เพื่อความสบายใจ แล้วเป็นการช่วยเหลือพี่รปภ.ด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งพี่เขาก็แนะนำดีว่าให้ล๊อกรถให้สนิท แล้วอย่าลืมของอะไรไว้ในรถนะครับ
          ได้เวลา 4 โมงเย็น ก็เดินไปลงทะเบียน แล้วใส่ซองถวายปัจจัยตามที่เราเขียนไว้ (ตามกำลังตนเอง และกำลังศรัทธา)  พร้อมกับถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ ณ สถานที่แห่งนี้ บรรยากาศดีมาก มีไอน้ำเย็นสบายแล้วต้นไม้เขียวขจีสวยงามตามคำร่ำลือจริงๆ ชอบกับบรรยากาศที่นี้พอสมควร  ทางแม่ชีที่ดูแลตรงจุดลงทะเบียน ได้ให้บัตรที่เขียนชื่อตนเอง แล้วห้องพัก 401  อาคาร ไตรสิกขา  เดินตามเจ้าหน้าที่เพื่อไปที่พักแล้วก็ต้องอึ้งกับที่พัก เพราะเป็นอาคาร 4 ชั้นที่สร้างขึ้นมาแบบเรียบง่าย  เราพักที่ชั้น 4 พอเข้าไปแล้วชอบห้องพักมาก เป็นห้องพักที่มีห้องน้ำในตัว เตียงขนาดกะทัดรัด ซึ่งนับว่าโชคดีช่วงที่เราไปอากาศตอนเย็นก็กลับมาเย็นสบายอีกครั้ง ไม่ถึงกับร้อนมาก  ชื่นชมกับห้องพักและทำธุระส่วนตัวเสร็จ  ก็รีบเปลี่ยนเสื้อขาวเพื่อไปร่วมกิจกรรมแรก คือ การโยคะ  เรารู้สึกสนุกกับการทำโยคะมาก แล้วเห็นว่าหลายท่าที่เขาให้ทำ เราก็ทำไม่ค่อยจะได้เพราะเส้นมันตึงมาก หลังกจากนั้นก็มีการปฐมนิเทศ โดยแจ้งว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่จะมีการยกยอดฉัตรในวันรุ่งขึ้น (เสาร์ 22 ก.พ.)  ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปาฏิหาริย์ที่เราจะได้ร่วมทำบุญยกยอดฉัตรครั้งแรกในชีวิต  โดยนึกไม่ถึงว่าจะได้มาร่วมงานยกยอดฉัตร และก็แอบงงๆว่า การยกยอดฉัตรนั้นมีความสำคัญอย่างไร

          ยามเย็นหลังจากปฐมนิเทศเสร็จ เขาก็ปล่อยอิสระให้กับผู้ที่จะเข้ามาอบรม ซึ่งเราก็เดินไปเดินมาที่โรงอาหารซึ่งทางร้านค้าเขายังไม่ปิด เขาก็พูดว่าสั่งอาหารได้นะค่ะ เดี๋ยวครัวปิด 6 โมงแล้วสั่งไม่ได้นะค่ะ  ด้วยความหิวข้าวเย็นก็เลยสั่งข้าวไข่เจียวเห็ดราดข้าวมากิน  เป็นอาหารที่อร่อยมาก ชอบๆ เมนูนี้ เอาไว้วันเหลังจะกลับไปสั่งกินเรื่อยๆ แทนใส่หมูสับ
          เวลา 1 ทุ่ม แม่ชีศันสนีย์ ลงมาบรรยายธรรม เล่าถึงที่มาว่าทำไมถึงมีการยกยอดฉัตรกันที่นี้ เพราะท่านต้องการทำถวายองค์พระโพธิสัตว์ที่เป็นปางผู้หญิง เรียกว่า พระอารยตารามหาโพธิสัตว์  พร้อมกับเล่าประวัติคร่าวๆ เกี่ยวกับการไปช่วยเหลือประชาชนชาวพม่าที่โดนพายุนากีสถล่มเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จึงได้รู้จักกับท่านพระอาจารย์สยาดอร์ไจทีเซา แห่งวัดไจทีเซา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์  แล้วขอให้ท่านมาเป็นประธานในวันพรุ่งนี้  แม่ชีได้ขอให้พวกเราทำกุศลครั้งนี้ด้วยใจที่ไม่มีอคติ และเราจะมีกำลังในการทำงานแล้วถึงจะมีกำลังดึงความดีที่มีอยู่รอบตัวเรามาให้การทำงานนั้นสำเร็จ  การนั่งฟังในครั้งนี้เราก็ได้นั่งข้างๆ กับคนพม่าด้วยจึงได้ส่งยิ้มไปให้กับเขาด้วย แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยไมตรี  หลังจากบรรยายธรรมเสร็จก็สวดมนต์ชุมนุมเทวดา ทำให้เราขนลุกซู่พอสมควร   พอได้เวลาก็ขึ้นไปที่พักเพื่อพักผ่อน โดยเราก็อาบน้ำอาบท่าแล้วก็นอน แต่ช่วงแรกนอนไม่ค่อยหลับ คงเป็นเพราะต่างที่นอนก็นอนพักไปประมาณ 30 นาทีได้ถึงจะหลับ

          เช้ามืดรุ่งขึ้น 4.40 น. ตื่นขึ้นแล้วลงไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า แล้วก็กินข้าวช่วง 7 โมงเช้า วันนี้มีงานใหญ่ ทางเสถียรฯ เลยมีข้าวต้มข้าวกล้องใส่เห็ด ใส่ฟักทอง ให้กินแล้วไม่ต้องใช้จานของตัวเอง อาหารรสชาติดีมากๆ กินไป 2 ถ้วยเลย
          เวลา 8.30 น. พระอาจารย์มาถึงสถานที่แห่งนี้โดยท่านกล่าวให้พร แล้วพวกเราก็กล่าวรับเป็นภาษาพม่า สาธุ” 9 ครั้ง   พิธีการก็เริ่มขึ้นโดยแม่ชีศันสนีย์ ยกยอดฉัตรที่ตั้งอยู่ชั้น 1 เดินรอบๆ เสถียรฯ แล้วขึ้นสู่อาคารชั้น 3 เพื่อไปทำพิธีกรรมด้านบนอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการใส่ของมีค่าและรูปพระต่างๆ ไว้ในยอดฉัตรแล้วนำขึ้นไปประกอบบนฉัตรอีกครั้ง   หลังจากนั้นก็มีการสวดเพื่อให้พิธีการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราได้ร่วมพิธีกรรมครั้งนี้ เพื่อให้ชีวิตมีบุญกุศลสูงสุดเหมือนยอดฉัตร
          เวลา 11.00 น. ลงมาจากด้านบนเพื่อกินข้าวเที่ยง  อาหารเยอะมากมาย บรรยากาศก็วุ่นวายนิดหน่อย คล้ายๆ กับงานฉลองวัดทั่วไปที่เราเคยไป เราก็นั่งดูผู้คนเดินไปเดินมา แล้วก็ลองซื้อ น้ำสัปะรดกับใบสะระแหน่ปั่น มานั่งดื่มก็สร้างความสดชื่นให้กับตัวเองได้ดีเหมือนกัน
          ช่วงบ่าย ยินดีกับคนที่ได้รับรางวัล ตาราอวอร์ด”  แล้วไปเดินจงกลม หลังจากนั้นไปนั่งฟังธรรมบรรยายอีกครั้ง  คำพูดที่ชอบคือ  “ปัจจุบันสำคัญที่สุด”   ช่วงค่ำทำวัตรเย็น บนยอดตึกอีกครั้งได้นั่งดูพระอาทิตย์อัสดง บนยอดตึก  3 ชั้นแห่งนี้  ตอนค่ำก่อนเข้านอนได้ถามแม่ชีว่า ความหมายของคำว่า บุญใหญ่ คืออะไร?”  แม่ชีตอบว่า คือการให้อภัยตนเอง แล้วทำคนรอบข้างให้มีความสุขที่สุด” 
          วันที่สามของการปฏิบัติธรรม ตื่นไม่ทันพวกเขาไปโยคะสมาธิตอนเช้า แต่ก็ทันกินข้าวเช้า แล้วเข้าร่วมกิจกรรมการถ่ายทอดสดวิทยุ บางเขน AM 1107 KHz และ internet ยามเช้า 9.00 น. ของทุกวันอาทิตย์  แม่ชีศันสนีย์ลงมาบรรยายธรรมด้วยตนเอง แล้วกล่าวถึงงานเมื่อวานว่า การยกยอดฉัตร เป็นอุบายที่มีมาแต่โบราณ ที่จะทำให้สาวกหรือประชาชนมีสามัคคีธรรม ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานนี้ให้สำเร็จ เพราะหากไม่มีความสามัคคีแล้วนั้น การงานทุกอย่างก็คงไม่สำเร็จ   (เป็นการเฉลยคำถามที่คาใจเราในวันแรกได้เป็นอย่างดี)  
ยอดฉัตรทำจากทอง   ซึ่งแม่ชีได้สอน คำ 3 คำ คือ GOLD  GOAL GO 
GOLD ที่แปลว่าทอง นั้นเป็นของมีค่าที่คนนำมาให้ต้องเสียสละ
GOAL เป็นเป้าหมายที่วางไว้ว่างานที่คนเสียสละด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ใดๆ นั้นต้องสำเร็จ
GO  แล้วพวกเราก็ Let’s GO.  เพื่อเดินหน้าทำงานต่อ
เพราะหากพวกเราจมอยู่กับ GOLD ที่เป็นว่าทองเพียงอย่างเดียว เราจะหลงและปลื้มมันไปในทางที่ผิดแต่ถ้าเรารู้จักใช้แล้วมุ่งมั่นกับงานที่จะเกิดขึ้นมันก็จะสำเร็จได้เป็นอย่างดี  หลังจากท่านบรรยายเสร็จท่านก็ขอตัวเดินทางไปสนามบิน เพื่อจะเดินทางไปประเทศอินเดียในการยกยอดฉัตรที่ประเทศอินเดียอีกครั้งหนึ่ง

          กิจกรรมสุดท้ายที่เราเข้าร่วม คือ การบรรยายธรรมของแม่ชีโอ๊ะ  เป็นแม่ชีรุ่นใหม่ ที่สอนให้เข้าใจชีวิต แล้วใช้ video present ต่างๆ ที่มีอยู่มานำเสนอได้อย่างชัดเจน แล้ว ก็ให้พวกเรามีความสุขเล็กๆ ด้วยการนวดคนข้างหน้า แล้วก็ให้เขานวดเรากลับด้วยอีกทีหนึ่ง พร้อมกับนั่งสมาธิโดยการใช้เพลง ดั่งดอกไม้บาน   ทำให้ใจเราสงบเย็นแล้วเป็นการยืดเส้นยืดสายที่ดีมากอย่างหนึ่ง
จบเที่ยง เราก็ลงทะเบียนออกแล้วเขียนใบประเมินเป็นที่เรียบร้อย  ซึ่งในรอบนี้มีผู้ชายเพียง 4 คนเท่านั้น
ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ผมได้มาในครั้งนี้  ซึ่งเราเองก็ตั้งใจมานานแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักเสถียรธรรมสถานแล้วเคยส่งพนักงานที่เราดูแลให้เขาได้มาฝึกปฏิบัติธรรมมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว  มาครั้งนี้เราเองก็สัมผัสแล้วฝึกด้วยตนเอง ซึ่งเราก็สัญญาว่าจะนำไปฝึกต่อที่บ้านเท่าที่เราจะทำได้ เพราะเป็นการตั้งสติให้กับตัวเรา และบุคคลรอบข้าง

2557/02/03

ภาวนากับความรัก 14-16 กุมภาพันธ์นี้

ขอร่วมโปรโมทกิจกรรมดีๆ ของเสถียรธรรมสถานครับ



มาฆบูชา มาจากภาษาบาลีว่า มาฆปูรณมีปูชา แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือนสาม ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
วันมาฆบูชา ที่เวียนมาถึงนี้ เตือนให้พวกเราเหล่าพุทธศาสนิกชนได้ระลึกว่า แม้สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว ทว่าเหล่าสาวกสาวิกายังคงทำหน้าที่ศึกษา สืบทอด เผยแผ่ และส่งผ่านพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็ง ให้พวกเราได้เรียนรู้และยึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว ปฏิบัติใจ พวกเราจึงควรพร้อมใจกันปฏิบัติบูชาโดยการทำตัวเราให้เป็นสาวกสาวิกาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ได้นำคำสอน คือ 'โอวาทปาฏิโมกข์' ที่พระพุทธองค์ได้ทรงให้ไว้ในวันนั้น คือ ละอกุศลทั้งปวง...ทรงสอนให้รู้จักรักเพื่อนร่วมโลก ทำกุศลให้ถึงพร้อม...ทรงสอนให้รู้จักรักเพื่อนร่วมโลกและรักตนเอง และ รักษาใจให้ขาวรอบ...ทรงสอนให้รู้จักรักตนเอง ดำรงชีวิตอยู่อย่างผู้ที่ได้โอกาสนั้น และใช้โอกาสนั้นให้เป็นไปเพื่อตนเองและผู้อื่น และเป็นคนที่มีความเต็มเปี่ยมที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสังคมของโลกใบนี้อย่างกตัญญูต่อพระพุทธองค์อย่างแท้จริง
เนื่องจาก 'โอวาทปาฏิโมกข์' ที่ทรงแสดงในวันนั้นเป็นหลักธรรมที่ว่าด้วยความรัก จึงกล่าวได้ว่า วันมาฆบูชา เป็น วันแห่งความรักในทางพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง
และในปี 2557 นี้ วันมาฆบูชา ตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ วันอันเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็น 'วันวาเลนไทน์'...วันแห่งความรัก
เสถียรธรรมสถาน ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมปฏิบัติธรรมอานาปานสติภาวนา...และมา 'ภาวนากับความรัก' เนื่องในวันมาฆบูชา...วันแห่งความรักทั้งทางธรรมและทางโลก ระหว่างวันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ 2557 โดยร่วมทำบุญ...ตักบาตร...ปฏิบัติธรรม....เวียนเทียน...เพื่อการทำความดี ละเว้นความชั่ว และรักษาใจให้บริสุทธิ์และขาวรอบ
สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02-519-1119
พระอารยตารามหาโพธิสัตว์ ทรงเป็นแสงสว่างแห่งความรัก...ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีที่มีการกระทำด้วยจิตที่หลุดพ้น...ทรงมีความกรุณาและปัญญาพร้อมที่จะช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว...และทรงได้รับการบูชาอย่างยิ่งในเรื่องความสามารถเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบาก พระองค์ทรงไม่เคยปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือ หากเราใช้คุณธรรม 8 ประการของพระองค์ อันได้แก่...ไม่มีความถือตัวอวดดี...ไม่มีความโง่เขลา...ไม่มีความอาฆาตพยาบาททั้งปวง...ไม่มีความอิจฉาริษยา...ไม่มีความคิดเห็นที่ผิด...ไม่มีความโลภ...ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น...และไม่มีความยึดติด ความเคลือบแคลงสงสัยทั้งปวง...มาอาบรดใจ...
เราจะเป็นหนึ่งที่พบปาฏิหาริย์แห่งการเปลี่ยนแปลง





2557/01/03

HAPPY NEW YEAR 2014 กับ SMURF 2


เริ่มต้นปี 2557  ผมก็ขอแนะนำหนังดีๆ ที่เป็นกึ่งๆ การ์ตูน คือ SMURF 2
ให้ลองไปหาซื้อแผ่นแท้ (VCD, DVD) มานั่งชมกันที่บ้านกับลูกๆ หลานในบ้าน
ข้อคิดตอนจบของหนัง.. ที่ ปะป๋าเสมิรช์ กล่าวคือ
"คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่คนเราเลือกที่จะดำเนินชีวิตได้"


ในโอกาสขึ้นปีใหม่ ก็ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้
จงมีความสุขใจ สุขกาย และร่ำรวยเงินทองกันถ้วนหน้า

2556/12/18

FROZEN การ์ตูนดีๆ ที่ควรสนับสนุนให้ดูเพื่อความฝันของเด็กๆ

การ์ตูนดีๆ ควรที่สนับสนุนให้ดู
เพราะความรัก ละลายได้ทุกสิ่ง

น้องนางเอก กลายเป็นละครตัวเอกที่มีบทบาทมากที่สุด



2556/10/16

เทคนิคลงทุนหุ้น แบบ VI ที่น่าสนใจ...

เทคนิคลงทุนหุ้น แบบ VI ที่น่าสนใจ...
ตั้งใจทำให้ได้.. แล้วอีก 10 ปี เรามาดูกัน

มีหุ้นในบริษัทดีๆ 10 บริษัท
มีเงินในตลาด 10 ล้านบาท

2556/06/27

วิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร...ของจริง ที่เก่งคิด เก่งงาน

สองมือ หนึ่งใจ จารึกไว้ ค่าแห่งครู
ทิศทั้งหก
ตัวเรามีทิศนำทาง ทิศหน้าหลัง เปรียบเสมือนที่บ้านก็คือ พ่อแม่
ทิศซ้ายขวา การนำทางภายนอกบ้าน คือ ครูบาอาจารย์ และ ญาติมิตร เพื่อนๆ
ทิศเบื้องบน คือ ประเทศชาติ พระมหากษัตริย์
ทิศเบื้องล่าง คือ ผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกน้อง
ในการเรียน เราต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมนุษยสัมพันธ์
วิทยาลัยเทคโนโลยีบุญถาวร มีส่วนเหมือนและส่วนต่าง เราสร้างมาตรฐานเพื่อสร้างบุคลากรในวิชาชีพที่แท้จริง
พร้อมกับเป็นที่ฝึกซ้อมในการแข่งขันวิชาชีพที่ไปแข่งขันในระดับ world skill
เราเชื่อมั่นศักยภาพของเด็กรุ่นใหม่ ที่เก่งคิด เก่งงาน และมีโอกาสที่จะก้าวหน้าในชีวิตต่อไป







2556/06/26

Sony Xperia Z Ultra โซนี่ 6.4 นิ้ว Big Screen Big Entertainment น่าสนใจมิใช่น้อย

แฟ็บเล็ตหน้าจอจุใจขนาด 6.4 นิ้ว จาก Sony ซึ่งยังคงมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำที่ Sony ภูมิใจนำเสนอเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นพี่ก่อนหน้า
แต่ดีไซน์เล็กกว่าอย่าง Sony Xperia Z โดยแฟ็บเล็ตรุ่นใหม่ดังกล่าวนี้มีชื่อรุ่นว่า Sony Xperia Z Ultra

สำหรับรูปลักษณ์ของ Sony Xperia Z Ultra แม้ว่าจะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.4 นิ้ว แต่ตัวเครื่องด้านข้างนั้นมีความบางเพียง 6.5 มิลลิเมตร
โดยภายในทำงานด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Quad core จาก Qualcomm รุ่น Snapdragon 800 ความเร็ว 2.2 GHz , RAM 2 GB,
และบรรจุหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB ซึ่งยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD, microS DHC, microSDXC ได้สูงสุด 64 GB
ผ่านการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2

และในส่วนกล้องถ่ายรูปของ Sony Xperia Z Ultra มาพร้อมกล้องถ่ายรูปที่ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพมากมายและความสามารถในการบันทึกวีดีโอได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p,
ในด้านพลังงาน Sony Xperia Z Ultra บรรจุแบตเตอรี่ความจุ 3000mAh ช่วยให้สามารถใช้สนทนาได้นานต่อเนื่อง 14 ชั่วโมง
และเล่นเพลงได้ยาวนานที่สุดในโลก 120 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง

Sony Xperia Z Ultra รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมคุณสมบัติการน้ำและกันฝุ่นละออง
และรองรับใช้งานการเชื่อมต่อระยะใกล้แบบ NFC ซึ่งนอกจากนี้
Sony Xperia Z Ultra ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ Magnetic Charging Dock DK30
ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองในการใช้งานบนหน้าจอขนาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น

สุดท้ายหากไม่พูดถึงความใหญ่ของหน้าจอแฟ็บเล็ตตัวใหม่นี้คงไม่ได้
เพราะนอกเหนือจากความสามารถในการแสดงผลได้ที่ความละเอียดแบบ Full HD 1080 x 1920 พิกเซล 342 ppi
และแสดงภาพได้อย่างสมจริงสดใสขึ้นด้วยเทคโนโลยีจอภาพ Triluminous บนหน้าจอขนาด 6.4 นิ้วแล้วนั้น
ด้วยขนาดใหญ่ของหน้าจอจึงมีการคาดการณ์ไว้ว่าจะพร้อมกับปากกาสไตลัส ซึ่ง Sony Xperia Z Ultra
มีคุณสมบัติการใช้งานการสัมผัสหน้าจอที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้ดินสอหรือปากกาทั่วไปบนหน้าจอแทนนิ้วมือได้ทันที
โดยไม่จำเป็นต้องมีปากกาสไตลัสพ่วงติดมากับเครื่อง

ถ้าราคาวางไว้ไม่เกิน 23,000 บาท ก็คงจะขายได้ดีแน่นอน