2563/10/08

กล่องฆ่าเชื้อโรค...


สนใจติดต่อ 

Tel : 090-151-6149

กล่องฆ่าเชื้อโรค UV อเนกประสงค์

 ราคา 790.- บาท

รหัสสินค้า: 1155944

แบรนด์: BOB


BOB รวบรวมสินค้าสุดสมาร์ทเพื่อคนยุคใหม่ ให้คุณมีชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทั้งในด้านการใช้งานและดีไซน์ที่ทันสมัย บุญถาวรคัดสรรสินค้าคุณภาพเพื่อคุณโดยเฉพาะ

 

กำจัดเชื้อโรคอย่างปลอดภัยด้วย กล่องฆ่าเชื้อโรค UV อเนกประสงค์ BOB สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสด้วยแสง UV อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที ตัวกล่องผลิตจากวัสดุ ABS + PMMA คุณภาพดี มาพร้อมดีไซน์สวยงามทันสมัย น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย สะดวกสบาย พกพาไปที่ไหนก็ได้ สามารถฆ่าเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลอด LED UV ความยาวคลื่นรังสียูวี 253.7 nm ออกแบบมาให้ฆ่าเชื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและครอบคลุมทั่วถึงทั้ง 360 องศา นอกจากนั้นยังมีช่องสำหรับใส่น้ำมันหอมระเหย ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อของใช้ส่วนตัวของคุณ เช่น โทรศัพท์มือถือ หน้ากากอนามัย แว่นตา หูฟังไร้สาย AirPods นาฬิกา สมาร์ทวอช เครื่องประดับ ฯลฯ

 

 

คุณสมบัติ

– กล่องฆ่าเชื้อโรค UV อเนกประสงค์ BOB

– ขนาด 22 x 13 x 4.8 ซม.

– วัสดุทำจาก ABS + PMMA คุณภาพดี

– ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที

– หลอด LED UV ประสิทธิภาพสูง ความยาวคลื่นรังสียูวี 253.7 nm

– ออกแบบให้ฆ่าเชื้อได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมทั่วถึง 360 องศา

– ด้านในมีช่องสำหรับใส่น้ำมันหอมระเหย

– พกพาสะดวก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย

– ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว

– ช่องชาร์จ USB สามารถเสียบใช้งานได้ง่าย

2563/06/22

เที่ยวปันสุข สุขใจได้แบบนี้..

นอกจากนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้สิทธิ์แพ็คเกจ “เราไปเที่ยวกัน” ที่เป็นส่วนลดค่าห้องพัก รวมถึงวิธีใช้สิทธิ์เงิน “บัตรกำนัลดิจิทัล” 600 บาทต่อคืน ดังนี้

  • วิธีใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าห้องพัก 60%

1. รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าที่พักโรงแรม โฮมสเตย์ ตลอดทั้งโครงการจำนวนทั้งสิ้น 5 ล้านคืน ในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน

2. นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้สิทธิ์จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน “แพลตฟอร์มธนาคารกรุงไทย” โดยการจองผ่านระบบออนไลน์ และต้องจ่ายเงินค่าที่พักเมื่อจองที่พักในทันที 60% ส่วนอีก 40% รัฐบาลจะจ่ายให้กับโรงแรมเองเมื่อนักท่องเที่ยวเช็คเอาต์จากห้องพักแล้ว

3. นักท่องเที่ยว 1 คนจะได้รับ 1 สิทธิ์ หากจองที่พักเต็มสิทธิ์สูงสุดจำนวน 5 คืน สามารถแยกการเดินทางได้ และไม่จำเป็นต้องไปครั้งเดียว 5 คืนรวด เช่น ครั้งแรกอาจจะไปเข้าพักที่โรงแรมในพัทยา 3 คืน และในภายหลังไปเข้าพักที่เชียงใหม่อีก 2 คืนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในช่วง 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. 2563 ซึ่งเป็นระยะของโครงการเท่านั้น

2563/06/18

นอนดึก ไม่ดีอย่างไร เรามาดูกัน

คุณหมอด้านเวชศาสตร์ชลอวัย อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจกันครับ
.
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เล่าให้ฟังถึงผลเสียของการนอนดึก ใครที่นอนเกิน 5 ทุ่มครื่ง…จะมีผลทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมโทรมเร็วขึ้น ทั้ง สมอง หัวใจ หลอดเลือด ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และภูมิคุ้มกันร่างกาย …แต่ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ตั้งแต่ 4 ทุ่มไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นนาทีทองของการนอน ก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 10 ประการ ดังนี้ครับ
.
1. สมองสร้างเคมีสุข
อย่างที่รู้ว่า สมองเป็นหัวเรือใหญ่ในการแจกงานให้อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่เวลานอน…ก็ยังมอบรางวัลให้ร่างกาย ทั้ง เคมีนิทรา (เมลาโทนิน), เคมีสุข (ซีโรโทนิน) และฮอร์โมนเพศ แถมยังมีเคมีบำรุงร่างกายออกมา ช่วยควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยเจ็บได้ด้วย
.
2. สร้างเคมีหนุ่มสาว
ปกติแล้ว เคมีหนุ่มสาวที่เรียกว่า "โกรทฮอร์โมน" จะค่อย ๆ ลดลงตามวัย รวมทั้งการนอนดึก …ก็ทำให้โกรทฮอร์โมนน้อยลงไปด้วย …แต่ถ้าเราเข้านอนเร็ว สักราว 4 ทุ่ม ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง สมองจะช่วยผลิตโกรทฮอร์โมนธรรมชาติให้ สรุปว่ายิ่งเราหลับไว หลับสนิท เราก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์ เพราะโกรทฮอร์โมน จะหลั่งในช่วงเวลา 00.00-01.30 น. รวมเวลา 1 ชม.ครึ่งเท่านั้น ซึ่งจะช่วยซ่อมเสริมภูมิต้านทานโรค ให้มีพลังร่างกายที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น

3. ความจำดีขึ้น
การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า คนที่นอนหลับได้ในช่วง 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ปรากฏผลงานวิจัยติดตาม พบว่า มีผลต่อความจำ, ความมีสมาธิ อย่างมีนัยสำคัญ และ ลดอุบัติเหตุลงได้มากขึ้น นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบ คล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือ ไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง หรือ อาจเผลอเรอได้ง่ายๆ ดังนั้น ต้องนอนให้เต็มอิ่ม จะได้เป็นการชาร์จแบตให้สมอง พร้อมรับความจำใหม่ ๆ ได้ดี

4. คุมความดันโลหิตได้
การนอนหลับเร็ว จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีวิวิทยา ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋ว ที่ทำงานซับซ้อน ช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน

5. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ
คนก็เหมือนเครื่องยนต์ ทำงานมาหนัก ก็ต้องหยุดพักบ้างจริงไหม ซึ่งการนอนก็เหมือนเข้าอู่ซ่อมรถ ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ช่วยให้สมองได้พักผ่อน กล้ามเนื้อคลายตัว หัวใจสงบขึ้น ความดันลดลง โดยเฉพาะ ถ้าหลับลึกได้ในข่วง 00.00 - 01.30 น. ในแต่ละคืน สุขภาพย่อมแข็งแรง เสมือนย้อนไปในช่วงที่อยู่ในวัยเบญจเพศได้

6. ลดความเสี่ยงโรคอ้วน
ถ้าเรานอนเร็ว จะทำให้เราไม่หิวกลางดึก อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้อ้วน นอกจากนั้น ยังมีกลไกดับหิวด้วยการสร้างเคมีดับหิวขึ้นมา ทำให้การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาในร่างกาย ให้ทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย

7. มีความสุขง่ายขึ้น
ยิ่งอดนอนมาก สมองของเราก็ยิ่งอึมครึม ทำให้ขาดสมาธิ ความจำก็ไม่ดี อะไรมากระทบนิดกระทบหน่อย ก็หงุดหงิดอารมณ์เสียแล้ว แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ แต่ถ้าเราลองนอนให้เร็วขึ้น เราจะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมองได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไรก็มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริง ๆ นะ

8. ได้ล้างพิษ
เวลาที่เรานอน จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น ลองสังเกตดูสิ ถ้าใครชอบอดนอน หรือ นอนดึก นอกจากหน้าตาดูหม่นหมองแล้ว ยังมีปัญหาท้องผูกด้วย นั่นเพราะส่วนหนึ่งของพิษมาจากการนอนดึก เพราะฉะนั้น สาว ๆ ที่ชอบปวดรอบเดือนบ่อย ๆ ให้แก้ไขด้วยการนอนให้เร็วขึ้น จะช่วยคุมเคมีปวดได้มากขึ้น

9. ไม่เสี่ยงโรคกำเริบ
เครื่องยนต์ที่ทำงานเกินเวลา ก็เสียได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมหลับยอมนอน ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ก็อาจทำให้โรคที่พกอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ พากันแผลงฤทธิ์ขึ้นได้ โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ โรคเครียด โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็ง เป็นต้น

10. ช่วยป้องกันการแก่ให้ช้าลง
ไม่อยากแก่ รีบชวนกันนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือ สูงสุด ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง เพราะ การนอนไม่ดึกมาก จะช่วยเสริมสร้างความเป็นหนุ่มสาว และช่วยให้หลับสนิทได้ง่ายขึ้น ไม่ทำร้ายร่างกายให้แก่ก่อนวัยอันควร เพราะ จะช่วยป้องกันความเสื่อมชราให้ช้าลงได้ด้วย

อยากมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืนต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรม ฝึกให้เป็น "นิสัย" ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลัง และพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดี เพราะไม่มีใครสามารถให้ "สุขภาพ" ที่ดีกับเราได้ ยกเว้นเราต้องทำให้ตัวเอง และร่างกายคือบ้านที่เราต้องรักษา เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข การป้องกันดีกว่าการซ่อมแซม เราคงไม่อยากเอาเงินที่หามาได้ไปแลกกับความเจ็บป่วยต่างๆ 

เริ่มเลยวันนี้..

2563/06/12

Hackathon สุ่มหัวกัน

Hackathon มาจากคำว่า Hack รวมกับคำว่า Marathon โดยที่คำว่า Hack ก็คือ Hacker ซึ่งในที่นี้ หมายถึงบุคคลที่ชอบคิดใหม่ ทำใหม่ ส่วน Marathon ก็คือการวิ่งระยะยาว 

แต่ในที่นี้เราหมายถึงการทำกิจกรรมใดซักกิจกรรมหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆค่ะ เลยทำให้คำว่า Hackathon คือการรวมหัว...เอ๊ย ระดมความคิดของคนที่ชอบคิดใหม่ ทำใหม่ โดยที่มานั่งระดมสมองช่วยกันคิด ช่วยกันผลิตผลงานชิ้นหนึ่งขึ้นมา โดยใช้เวลาทำแบบต่อเนื่องชนิดที่ว่าข้ามวันข้ามคืน มีทั้ง 12 ชั่วโมง 24 ชั่วโมง หรือเลยเถิดอยู่กันไปยาวนานจน 48 ชั่วโมงเลยก็มีค่ะ และนอกจากมีการระดมสมองต่อเนื่องกันเป็นเวลานานแล้ว 

Hackathon ก็จะมีการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัครทีมต่างๆ โดยจะต้องมีตัวแทนของแต่ละทีมออกมานำเสนอไอเดียหรือที่เรียกว่า pitch ไอเดีย โดยผู้ที่เป็นกรรมการตัดสินว่าทีมใดจะได้รางวัลก็คือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวกับโจทย์ของการทำ Hackathon นั้นๆและ/หรือเป็นนักลงทุน ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่ต้องการจะซื้อไอเดียของผู้เข้าแข่งขัน Hackathon ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายสู่ตลาดต่อไป  

และในระหว่างการ Hack นั้น แต่ละทีมที่เข้าแข่งขันก็มีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำจาก Mentor หรือทีมพี่เลี้ยงซึ่งมีประสบการณ์ในการทำ Startup เพื่อทำการปรับปรุง เพิ่มเติมหรือแก้ไขผลงานของทีมตนเองเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย

2563/06/10

new normal พลวัตเนสท์เล่ และ พีแอนด์จี

พลวัตปี 2020 : ฐปนี แก้วแดง (แทน)

แม้ว่าสถานการณ์เกี่ยวกับโควิด-19 เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลายประเทศได้เริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่นักการตลาดเชื่อว่า พฤติกรรมการช้อปปิ้งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการระบาด จะไม่เปลี่ยนไปและจะกลายเป็นฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) หลาย ๆ แบรนด์กำลังแข่งกันปรับตัวอยู่ในขณะนี้ 

มีรายงานจากซีเอ็นเอ็นว่า ผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัท พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) ต้องออกไปสำรวจตลาดสามวันต่อสัปดาห์เพื่อดูว่าผู้บริโภคกำลังซื้ออะไรบ้างและ ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างไรและผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับความนิยมหรือไม่

พีแอนด์จี เป็นหนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคหลาย ๆ แห่งที่คาดการณ์ว่า พฤติกรรมใหม่ที่ได้หล่อหลอมขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการช้อปปิ้งของผู้บริโภคเป็นการถาวร

มีหลักฐานในเบื้องต้นชี้ว่า กำลังมีการเปลี่ยนแปลงการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคกำลังซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพและบ้านมากขึ้น และกำลังเริ่มคำนึงถึงค่าใช้จ่ายมากขึ้นในขณะเดียวกันก็เลือกที่จะประหยัดมากขึ้น

มาร์ก ชไนเดอร์ ซีอีโอของเนสท์เล่ บอกว่า บริษัทกำลังทำความเข้าใจว่าวิกฤตเศรษฐกิจมีความหมายต่อสินค้าแต่ละประเภทอย่างไร เนื่องจากมีความชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยอาจจะต้องใช้เวลาหลายไตรมาสหรือหลายปี

ผู้บริหาร ยูนิลีเวอร์ ก็กำลังประเมินตลาดแต่ละตลาดว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสินค้าหลัก ราคาและขนาดบรรจุภัณฑ์หรือไม่ โดยมองว่า ไม่มี “คู่มือ” สำหรับภาวะถดถอยในครั้งนี้ และจะต้องสร้างความคล่องตัวและความยืดหยุ่นสำหรับอนาคตอันใกล้นี้

ในขณะที่มีหลายอย่างที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ไลฟ์สไตล์บางอย่างเปลี่ยน และรูปแบบในการใช้จ่ายจะอยู่ได้นานกว่ามาตรการเว้นระยะทางสังคม ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคส่วนหนึ่งเลือกที่จะช้อปสินค้าออนไลน์เพราะห้างร้านปิดหรือเพราะต้องการหลีกเลี่ยงผู้คน และในขณะนี้ได้มีพฤติกรรมแบบบนี้มากขึ้นและไม่น่าจะกลับไปใช้วิถีแบบเก่าโดยสิ้นเชิง

รายงานของแมคคินซีย์ ชี้ว่า บทเรียนในช่วงต้นจากจีนชี้ว่า ส่วนแบ่งตลาดออนไลน์จะยังคงเหนียวแน่นอยู่ 3-6% โดยได้รับแรงขับจากคนรุ่นเก่าที่รู้สึกสบายใจกับช่องทางดิจิทัลและจากผู้บริโภคกลุ่มใหม่ โดยงานวิจัยนี้พบว่า ร้านของชำใหญ่สุด 3 แห่งในอังกฤษ ได้เพิ่มช่องทางในการส่งสินค้าใหม่มากกว่า 500,000 แห่งในเวลาเพียงสองสามสัปดาห์ หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%

ยอดขายอี-คอมเมิร์ซของเนสท์เล่ ทั่วโลก เพิ่มขึ้น 30% ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ในขณะที่ยอดขายออนไลน์ของพีแอนด์จี โต 35% ในช่วงเดียวกัน

ซีอีโอเนสท์เล่ กล่าวว่า วิกฤตไวรัสโคโรนาน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ยอดขายอาหารและเครื่องดื่มทางออนไลน์ทะลุทะลวง เนื่องจากคนที่ไม่ซื้อของชำออนไลน์ในก่อนหน้านี้ ได้ค้นพบว่า มันสะดวกเพียงไร

แม้นักวิเคราะห์มองว่า อี-คอมเมิร์ซไม่น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงเหมือนในขณะนี้ แต่มันถึงจุดที่จะโตต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจะมีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน เพราะว่าคนจะล้างหน้า และล้างมือมากกว่าเก่า และซักผ้าบ่อยขึ้น และน้ำส้มที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะมีวิตามินซีสูง ก็จะมียอดขายมากขึ้น

แม้จะมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ และภัตตาคาร บาร์ และโรงหนังเปิดแล้ว แต่มีความเชื่อว่า คนจะไม่รีบออกไปนอกบ้าน และอาจจะโฟกัสอยู่กับบ้านมากขึ้น เช่นใช้เวลาอยู่กับบ้าน ทานอาหารที่บ้านและทำความสะอาดบ้านมากขึ้น เนื่องจากการว่างงานยังสูง ผู้บริโภคจำนวนมากจะต้องลดงบสันทนาการและอาจตัดสินใจเก็บเงินมากขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะถดถอย

ข้อมูลจากธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ว่า อัตราการออมของครัวเรือนในเศรษฐกิจใหญ่สุดของยุโรปบางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม  เช่นเดียวกันในสหรัฐฯ ที่อัตราการออมพุ่งสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524

มีการคาดการณ์ว่าภาวะถดถอยหลังเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาจะเลวร้ายสุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งหมายถึงว่าธุรกิจและผู้บริโภคจะขัดสนเงินสดในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ดี บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เนสท์เล่ ยูนิลีเวอร์ และพีแอนด์จี มั่นใจว่าผู้บริโภคจะสร้างความสมดุลของราคากับมูลค่าได้ โดยจะเลือกแบรนด์ที่มั่นคงและคุ้นเคย และไว้ใจได้

พฤติกรรมผู้บริโภคเหล่านี้ น่าจะเป็นแนวทางให้บริษัทปรับตัวหลังยุคโควิดได้ไม่มากก็น้อย

2563/05/26

เป้าหมาย จีนในอีก 5 ปีข้างหน้า

ชัดเจน และมองเห็นเป็นรูปธรรมดีมาก  สำหรับเป้าหมายของจีน หลังจากการประชุมสภา (May 2020)

  • ในปีนี้ไม่มีการกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • เป้าหมายดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.5%
  • การว่างงานควรจะอยู่ที่ 5.5%
  • ตำแหน่งงานใหม่ในเขตเมืองเพิ่มขึ้น 9 ล้านตำแหน่ง
  • เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานสูง 33.3 ล้านไร่
  • ภาคธุรกิจออมเงินได้เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านล้านหยวน
  • เพิ่มสินเชื่อของธนาคารใหญ่ให้ธุรกิจเล็ก 40%
  • เพิ่มเพดานงบประมาณขาดดุลขึ้นมาอีก 1 ล้านล้านหยวนเทียบกับปีที่แล้ว
  • ออกพันธบัตรรัฐบาลสู้โควิด-19 มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน
  • ออกพันธบัตรพิเศษรัฐบาลท้องถิ่น 3.75 ล้านล้านหยวน

2563/05/19

JAL บริหารผู้นำ แก้วิกฤตองค์กร

ถอดบทเรียน กู้วิกฤติสายการบิน JAL ล้มละลาย 7 แสนล้านบาท ฟื้นได้ภายใน 1 ปี 
.
เหตุการณ์นี้  ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกรณีศึกษา ที่สามารถหยิบมาเล่าสู่กันฟังได้ ซึ่ง ถ้าการบินไทย กล้าทำตาม และ ทุกคนที่เคยฉกฉวยเอาประโยชน์ จากการบินไทย ยอมหยุดพฤติกรรมเดิม เริ่มต้นใหม่ เจริญรอยตาม JAL ยุคใหม่ ซึ่งเป็นแม่บท ในดำเนินการตาม เพื่อเป็น new normal ในการบินไทย เชื่อว่า น่าจะได้ผลดี

จากเหตุการณ์เมื่อปี 2010 วิกฤติสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่น JAL (JAPAN AIRLINES) ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อจะฟื้นฟูกิจการ จากภาวะล้มละลาย หลังขาดทุนติดต่อกันจนเป็นหนี้มากถึง 2.5 ล้านล้านเยน หรือราว 7 แสนล้านบาท และ ต้องออกจากตลาดหลักทรัพย์ เหตุการณ์นี้เป็นข่าวที่สร้างความตะลึงไปทั่วโลก เพราะ JAL เป็นสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงและทำรายได้แต่ละปีได้มหาศาล
.
หลังจากนั้น ความตะลึงยิ่งกว่ากำลังจะตามมา เมื่อ JAL สามารถฟื้นฟูสภาพการเงินให้กลับมาดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัดภายใน 1 ปี โดยทำกำไรได้กว่า 80,000 ล้านบาท JAL ทำได้อย่างไร?? อาจจะเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ใครถูกมอบหมายให้เป็นหัวเรือในการแก้อภิมหาวิกฤติครั้งนี้??

คำตอบคือผู้ก่อตั้ง “เคียวเซร่า” นาย คาซุโอะ อินาโมริ (Kazuo Inamori) นักบริหารลายครามวัย 78 ปี ผู้ปลุกปั้น “เคียวเซร่า” (Kyocera Corporation) จนกลายมาเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น และได้รับการยอมรับในเวทีโลก 
.
หนึ่งในประโยคอิมแพคที่ อินาโมริ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ในช่วงที่เขาได้รับมอบหมายภารกิจใหม่ ๆ ในช่วงปี 2010 ที่สำคัญ เขาไม่ขอรับค่าจ้างจากภารกิจนี้เลย แม้แต่เยนเดียว
.
อินาโมริ ไม่เคยมีประสบการณ์ หรือ ไม่เคยมีความรู้ด้านการบริหารสายการบินมาก่อน แต่ทำไมเขาถึง พาองค์กรที่กำลังโคม่าอย่างหนัก ให้พ้นวิกฤติได้อย่างรวดเร็ว  หนึ่งในวิธีการ คือ เค้าเอาหลักการ และปรัชญาในการบริหาร เคียวเซร่า มาปรับใช้กับ JAL 
.
ปัญหาใหญ่ที่ อินาโมริ พบ คือ 
1.การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายภายในองค์กร 
2.ความไม่ใส่ใจในปัญหาอย่างจริงจังของผู้บริหาร 
3.ผู้บริหารขาดความรับผิ7ชอบ 
4.เจ้าหน้าที่ระดับสูงสร้างรูปแบบการบริหารที่เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง และ
5.ที่สำคัญความเทอะทะ และเชื่องช้าขององค์กร ที่มีทรัพยากรที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์มากเกินความจำเป็น

สิ่งที่ยากที่สุด คือ การทำให้คนในองค์กรยอมรับ และพร้อมที่จะกู้วิกฤติครั้งนี้ ไปกับ อินาโมริ แน่นอนว่า พนักงานหลายคน ไม่เห็นด้วยกับแผนการดำเนินงานของเขา โดยเฉพาะ คนที่เสียประโยชน์ นี่คือ การรื้อองค์กรใหม่หมดทั้งโครงสร้าง
.
ตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ อินาโมริ ต้องอดทนใช้หัวใจ และ มันสมองไปพร้อม ๆ กัน เขาต้องทำให้พนักงานเชื่อมั่นในตัวเขา เชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ที่จะพา JAL พ้นวิกฤติ โดยต้องเริ่มจากผู้บริหารระดับบนก่อน
.
ปรับทัศนคติผู้บริหารสไตล์ “อินาโมริ”
ผู้บริหารระดับสูง ในองค์กรกว่า 50 คน จำเป็นต้องเข้าอบรบเพื่อสร้างทัศนคติในการเป็นการเป็นผู้นำ และผู้บริหารใหม่หมด โดยต้องอบรม รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 17 ครั้ง ภายในหนึ่งเดือน
.
วิธีการของของ อินาโมริ ผสมผสานความอ่อนโยน ประนีประนอมสลับกับความหนักแน่น ในสไตล์ผู้นำ หลายครั้งที่การอบรมก็เป็นไปอย่างสบาย ๆ ดื่มเบียร์ไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย ปี 2012 สำนักข่าว BBC เคยตีข่าวนี้โดยใช้พาดหัวว่า “Beer with boss Kazuo Inamori helps Japan Airlines revival”
.
หลักการของผู้นำ ในแบบฉบับของ อินาโมริ นั้นคือ การเป็นผู้ที่รอบรู้ในเรื่องการเงิน  มีแพสชันกับสิ่งที่ทำ  มีบุคลิกภาพที่ดี และมีความทุ่มเทเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
.
ผู้บริหาร 50 คนที่ผ่านการอบรม จะต้องส่งมอบองค์ความรู้ และทัศนคติในแบบที่ผู้นำพึงมี ไปสู่ผู้บริหารลำดับถัดไป จนครบจำนวน 200 คน 
.
นอกจากนี้ อินาโมริ ยังพยายามปลูกจิตสำนึก  ให้พนักงานรู้ถึงมูลค่าของต้นทุนในทรัพยากรต่าง ๆ ที่อยู่ในองค์กร 

เขาใช้วิธีติดป้ายราคา ไว้ที่ของใช้ต่าง ๆ ในองค์กร เช่น กระดาษแต่ละแผ่น ที่หยิบไปใช้นั้น มีราคาเท่าไหร่ ฯลฯ ฯลฯ
.
ปลดพนักงาน และ ลดขนาดองค์กรอย่างมีหลักการ

JAL ปลดพนักงาน 30% จากจำนวน 50,000 คน เหลือราว 35,000 คน วิธีนี้ทำให้ JAL ประหยัดต้นทุนได้มากถึง 32,000 ล้านบาท แต่ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ นึกอยากจะยื่นซองขาวก็ยื่นเลยนะครับ ต้องบอกว่าวิธีการของ อินาโมริ แยบคาย และมีเหตุผลมาก 

ในช่วงแรกนั้นพนักงานทุกคนยังคงทำงานตามปกติของพวกเขา ซึ่ง อินาโมริ ใช้แนวคิดการทำงานแบบ “กลุ่มย่อย” มาใช้กับองค์กรเพื่อแบ่งหน่วยการทำงาน ออกเป็นหน่วยย่อย 600-700 ทีม 
.
โดยแต่ละทีม ต้องวางระบบงาน และมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตัวเอง โดยมุ่งหมายให้ทุกทีม สามารถทำกำไรเพื่อหล่อเลี้ยงสมาชิกภายในทีมได้  วิธีนี้ จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบและเกิดการแข่งขันกันภายในองค์กร อย่างมีจุดมุ่งหมาย  ซึ่งทำให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นว่า  พาร์ทไหนที่ทำให้องค์กรต้องแบกรับภาระ  โดยไม่ก่อเกิดประโยชน์ หรือทำให้ต้องขาดทุน 
.
จึงนำไปสู่การปรับโครงสร้าง และ ลดจำนวนพนักงานที่อยู่ในส่วนที่ไม่ทำกำไร  รวมถึง การขายเครื่องบินทิ้งกว่า 60 ลำ และ ยกเลิกเส้นทางการบินที่ไม่ทำกำไร ทั้งในและนอกประเทศ 40 เส้นทาง เพื่อแลกกับเงินทุนอัดฉีดจากกองทุนริเริ่มฟื้นฟูวิสาหกิจ (ETIC) 300,000 ล้านเยน หรือราว 83,000 ล้านบาท รวมไปถึงเงินกู้จากรัฐบาล
.
ด้วยหลักการบริหาร และการแก้ปัญหาอย่างทุ่มเท จากทั้งมันสมอง แรงใจ และ แรงกายของ อินาโมริ (เขาให้สัมภาษณ์ว่าน้ำหนักลดไปถึง 4 กิโลกรัมในช่วง 6 เดือนแรก) ทำให้สายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่น ที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าขั้นสุดท้าย  พลิกฟื้นกลับมาจนสามารถกลับมาทำกำไรได้มหาศาล  ภายในเวลาไม่กี่ปี และได้เข้าร่วมเป็น 1 ใน 13 สายการบินใน Oneworld ปัจจุบันมีจำนวน 80 ปลายทาง ใน 20 ประเทศทั่วโลก
.
รวมถึง ยังจับมือกับ Qantas Group (ออสเตรเลีย) และ Tokyo Century Corporation ก่อตั้งสายการบินราคาประหยัด Jetstar Japan ปี 2018 JAL มีรายได้ 1.48 ล้านล้านเยน (ประมาณ 414,000 ล้านบาท) ส่วนกำไร 1.76 แสนล้านเยน (ประมาณ 49,000 ล้านบาท) 
.
JAL เป็นเคสเหตุการณ์แก้วิกฤติที่ชี้ศักยภาพของ “ผู้นำ” ได้ชัดเจนที่สุด และทำให้เราเห็นว่า “ผู้นำ” มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดไหน

Cr.BrandThinkme

2563/05/13

ผักสด @เซเว่น

ผักสดอาหารบำรุงร่างกาย และบำรุงใจด้วยเช่นกัน  7-eleven บางสาขาเริ่มเอามาวางจำหน่ายแล้วเช่นกัน 

ผักกาดขาวหัวเล็กๆ กะทัดรัด เหมาะกับการกินแบบคนเดียวหรือสองคน สนนราคา 32 บาท  อู้หู้..
กะหล่ำปลีหัวเล็กๆ  28 บาท อู้หู้..
บอกไม่ได้ว่าราคานี้ถูก หรือแพง เพราะผักขาวสะอาดมากและมีการห่อพลาสติกอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว แต่ยังชอบการทำอาหารกินเอง
ผักกะหล่ำเป็นผักที่ทำกับข้าวง่ายที่สุดละ นึกอะไรไม่ออก ก็เอามาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผัดกับกระเทียม เกลือ น้ำตาล ก็นำมากินกับข้าวสวยร้อนๆ ได้แล้ว

2563/05/12

แต่งบ้าน แต่งใจ ไร้รอยต่อ

การแต่งบ้าน ต้องแต่งใจให้กับตัวเองด้วยนะ เพราะความสวย หรือความเหมาะสมของบ้านแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน  ตั้งใจที่จะแนะนำสินค้าต่างๆ เพื่อนำไปแต่งบ้าน  และเพจนี้ก็ ตั้งใจจะหาวิธีการแต่งใจ ด้วยอักขระที่ร้อยเรียงมาให้เป็นอาหารใจด้วยไปพร้อมๆ กันทั้งผู้เขียน และผู้อ่าน อย่างไร้รอยต่อ ...

2563/05/11

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

โดย Pathaipoom Songkroh 

--------———-

มุมมองนักลงทุนรายใหญ่

เสี่ยยักษ์

- ราคาหุ้นนำความคิด หลายๆคนรอซื้อหุ้น ราคาหุ้นลงจาก 20 บาท ไป 10 บาท ตอนนี้ขึ้นมาที่ 15 บาท จะตัดสินใจยากแล้ว

- Day Trade ช่วงนี้ยาก 50/50 ลงทุน ณ เวลานี้ตัดสินใจยาก

- Covid-19 โอกาสเกิด wave 2 ยาก เพราะทุกคนเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่เหมือน 3 เดือนก่อน อยู่ที่เม็ดเงินแล้ว ว่าจะดันหุ้นขึ้นต่อไหม

- จากเดิม ลงมาหมดทุกตัว ตอนนี้บางตัวขึ้นมา 30 50 70 100 % แต่จากจุดนี้ จะอยู่ที่พื้นฐานแล้ว บางตัวโดนตีหัวลงมา บางตัวได้สัมปทานที่กัมพูชา ก็ขึ้นได้ จากนี้ไปจะเลือกตัวเล่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด โควิดให้ระวังไว้ได้ แต่อย่าไปกลัว ตอนนี้มองขึ้นยาก ต้องหาตัว Big Shot ให้เจอ ลงทุนในระยะยาวพอสมควร

- ตลาดตัว P/E 5 เท่าก็มี แต่ไม่เล่น ไปเล่นตัว 80 เท่ากัน สมัยก่อนซื้อหุ้น P/E 5 เท่าอย่าง PTT ตอน 70 บาท เลยรวยหุ้นได้ หุ้นจะขึ้นหรือลงตอนนี้มันอยู่ที่แฟชั่น มีอนาคต TESLA AMAZON หุ้นยังขึ้นไปได้
 
- หุ้น Property P/E 3 เท่า 5 เท่า ก็ไม่มีใครเล่น ผู้บริหารที่ดี มีธรรมาภิบาล เค้าเชื่อมั่นมากกว่า ธนาคารปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช่เอาตัวเลขมาคูณแล้วจะซื้อ ณ จุดนั้น มันไม่ใช่แล้ว

- AOT ตอนนี้ทำไมไม่มีคนขาย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดจะขาย มีแต่จ้องจะซื้อ คนที่ Short มา โดนไฟช๊อตตลอด สิ่งที่คิดมันแพ้

- การลงทุน ณ เวลานี้เยอะๆ ยังไม่แนะนำ โอกาสตรงนี้ชนะได้น้อย แพ้แพ้เยอะ ไม่ต้องรีบร้อน

- หาหุ้นแชมเปี้ยน ณ ตอนนี้ที่มี upside เยอะๆ มันยากแล้ว ถ้าเจอแล้วก็ต้องกล้าถือ แบบมีน้ำหนักการลงทุน ถึงจะได้ Big Shot, แล้วจะซื้อตอนไหน ซื้อตอนนี้ก็มีโอกาสได้ล้างชาม ไม่ได้กินกะเค้า

- เฝ้าหุ้นที่เราลิสท์ไว้ทุกวัน ถ้าไม่มี new low พื้นฐาน 3 ปี 5 ปีข้างหน้ามันยังดี Volume เข้า กราฟ Month บีบ กราฟ Day Week มา นั่นละ Big Shot

- New Normal ในหุ้นมันไม่มี เล่นซี้ซั้วไม่ได้ 

----------------------------------------------------------------

เสี่ยป๋อง

- ไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะเด้งเร็วขนาดนี้ ทำใจที่จะ follow ตามยาก มองว่าตอนนี้เด้งมาแล้ว รอให้ pull back ลงมา ตอนนี้ขึ้นมาจุดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะพอร์ตว่าง

- New Normal ราคาหุ้นนำความคิดไปแล้ว ทั้ง Covid ห้าง สนามบิน ที่ยังแย่อยู่ แต่ราคาหุ้นนำไปแล้ว

- ดูกราฟย้อนหลัง ยังไม่เคยเจอเด้งแรงแบบนี้ ทุกครั้งก็จะมีการปรับตัว Pull back ลงมา จะไป 1600 จุดเลยไหม ก็ไม่รู้ ตอนนี้อยู่ wave 1 รอ Pull back wave 2 แล้วซื้อตอนเป็น wave 3 ถ้าหุ้นไม่ลงมา ก็ไม่รู้จะทำยังไง คิดไม่ออก

- การ Pull back ส่วนใหญ่จะมีระยะครึ่งทาง

- ทุกประเทศ Inject เงินกันหมด, QE unlimited, Junk Bond ก็มีคนช่วย

- รอบเด้งที่ผ่านมา คิดว่าเด้งเพื่อลงต่อ โดยมีการเล่นปริมาณน้อย แค่10% ขึ้นมานิดหน่อยก็ขาย

- มีเปิด short ไปวันพฤหัส วันศุกร์ขึ้นมาก็ต้องปิด Posotion ไป

- คนพูดถึง Negative Interest Rate ฝากเงินที่ Bank ต้องเสียเงิน เม็ดเงินก็เลยต้องมาเข้าตลาดหุ้น

- พวก AI, Robot มีสัญญาณซื้อมา ก็ต้องซื้อ พื้นฐานไม่สนใจ

- ทุกคนอยู่บ้าน ว่างกันหมด มีเงินสดอยากซื้อหุ้นกัน มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา

- ตลาดหุ้น EPS นักวิเคราะห์คาดปีนี้อยู่ที่ 72 ถ้า SET 1266 P/E อยู่ 17.58 เท่า แต่บางคนมองปีหน้า EPS จะกลับมาที่ 85 เอา 1266 หารด้วย 85 จะได้ P/E 14.89 เท่า ในภาวะปกติ P/E จะ 16 เท่า คนเลยมองปีหน้าว่าจะฟื้นกันแล้ว ถ้าเอา 85 คูณ 16 เท่า ก็จะได้ SET 1360 จุด หรือจะให้ 17 เท่า 20 เท่าก็แล้วแต่

- ก็ได้แต่รอ ว่าจะลงมาเมื่อไหร่ ทุกวันนี้เล่นแค่ 10-20% ของพอร์ต ถ้าไม่ลงมา ก็ไม่กล้าอัดพอร์ตใหญ่

- มีความเป็นไปได้สูงว่า Bottom ไปแล้ว เพราะยืนเหนือ 1214 จุดได้ แต่ถ้าลงมาครึ่งทาง ระหว่าง 969 กับ 1300 ก็คือ 1135 จุด เราไม่รู้ขา wave 2 จะลงมาไหม หรือลงมาเท่าไหร่ หรือจะวิ่งไป 2000 จุดเลยก็ได้

- กำลังหาหุ้นยาวๆแบบ ดร.นิเวศน์บ้าง

- เทคนิคอลที่สวยช่วงนี้คือ Day Week แต่ Month ยังไม่สวย แค่เด้งแรง ลุยตอนนี้ก็ยาก เพราะขึ้นมาหมดแล้ว ถ้าอยู่ๆ มันลงไปครึ่งทาง เราอาจจะไปคัทลอสตอนนั้น

- คนมันดูกราฟ เวลาหุ้นจะตก มันทนได้ไหม ตอนมกราคม เคยบอกว่าถ้าหลุด 1524 จุด มันก็ต้องขาย

- ทุกครั้งที่มางานสัมมนาทันหุ้น หุ้นจะตกหนักทุกครั้ง

- หลักการเลือกหุ้นช่วงนี้ เลือก Most Active ตัวที่มี movement แล้วก็เล่นตามเค้า ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายวันรุ่งขึ้น

- หุ้นในดวงใจ มีรายได้มั่นคง ผูกขาด แต่ตอนนี้ขอต่อราคานิดนึง

----------------------------------------------------------------

เจาะลึกหุ้น BEM จากผู้บริหาร

- พื้นฐานเกิดจากเอา 2 บริษัทมารวมกันได้ 3 ปีกว่าแล้ว คือทางด่วนกับรถไฟฟ้า (BECL + BMCL)

- Covid-19 ทางด่วนไม่ได้รับการผลกระทบ แต่กระทบจากการเคอร์ฟิว จาก 1 ล้าน หายไป 50% เหลือ 5 แสน แต่จากการปลดล็อก ก็กลับมาที่ 7 แสนแล้ว แต่ระบบรางจะกระทบกับรายได้อยู่แล้ว สิ่งที่กระทบตอนนี้คือการทำ Social Distancing ของระบบรางทั้งโลก ตอนนี้ Passenger รถไฟฟ้ากลับมา อยู่ที่ 25% จากวันที่แย่ๆ เหลือ 10%

- ถ้าเราได้สายรถไฟฟ้าที่ทำออกมาแล้ว success ก็จะดีกว่าได้มาหลายๆสายที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สายสีส้มเป็นสายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นสายที่ตัดกับสายสีน้ำเงิน ลักษณะตะวันตกไปตะวันออกเกือบ 40 กิโล ศูนย์ซ่อมก็ติดอยู่กับสายสีน้ำเงิน CK บริษัทลูกก็พร้อมที่จะจัดการเรื่องอุโมงค์ รวมถึงสายสีม่วงส่วนต่อขยายก็เป็นสายทีอยากได้
____________________

นักวิเคราะห์ 3 ท่าน

คุณบอม สรพล บล.กสิกรไทย

- ตลาดหุ้น drive ด้วย sentiment ของอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เหนือปัจจัยพื้นฐานในประเทศ ตอนนี้จะเริ่มออกจาก sentiment กลับไปสู่ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ

- หุ้นอเมริการอบนี้ผลักด้วยด้วยกลุ่มเทคฯขึ้นมา อย่าง AMZN MSFT AAPL NFLX PYPL รายได้เติบโต 15-25% หุ้นดันตลาดลง จะเป็นพวก New Economy กับ Old Economy JPM WFC BA XOM BRK/B

- บ้านเราผลักดันชึ้นมาจาก GULF MAKRO BAM STARK STA ตัวกดตลาด PTT AOT SCB PTTEP KBANK ซึ่งจะคล้ายกับต่างประเทศเลย

- New Normal : Growth Stock แซง Value Stock ไปแล้ว ในรอบ 50 ปี

- เศรษฐกิจไทย มองเป็น U Shape ตัด V กับ L ออกไป ตอนนี้ทุก sector ตอนนี้โดนหมด ยกเว้น Bank ที่ยังไม่ล้มเหมือนตอนปี 2008หุ้นกู้พอมีสัญญาณเริ่มล้ม Bank ชาติ FED ECB BOJ ก็ออกมาช่วย

- 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ได้แกว่งตัวตามปัจจัยในประเทศ แต่ correlate กับอเมริกาถึง 80% แต่จากนี้ก็จะตามปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวก ได้แก่ Vaccine, Phase 2 deal, OPEC (20m cut) วันที่ 10 พ.ค., FED (ETF), Corporate Tax Cut ปัจจัยลบ ได้แก่ 2nd wave (30%), Impact to Bank (15%), High Valuation (50%), Cancel Phase1 deal (15%) เชื่อว่าทรัมพ์แค่ออกมาขู่

- Covid-19 แตกต่างจาก GFC-08 เนื่องจากธนาคารกลางมีบทเรียนและปรับตัวเร็ว

- จุดซื้อ ควรอยู่จุดไหน ดู Earning Yield Gap ได้ที่ 1220 จุด (-0.25 to +0.25 EPS12F @75 SET 1220 - 1360) แนวต้านเดือน พ.ค. 1320 จุด

- วิกฤติตอนนี้คือ หลายวิกฤติรวมกัน Sector ที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาได้ดี มีพลังงาน+โรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, ขนส่ง (AOT+BEM)

- Stress Test จาก Covid-19 ท่องเที่ยวกระทบ 90% สายการบินกระทบ 100% รถไฟฟ้า ค้าปลีกกระทบ 30-40% Utility โรงไฟฟ้า 10% ICT 15% ค่าเฉลี่ยทุก Sector จะอยู่ที่ 50% รัน Stress Test ออกมาแล้ว Sector ที่น่าเป็นห่วงคือ สายการบิน โรงแรม และ Property

- Sector ที่จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ โรงพยาบาล ICT Commerce และ โรงไฟฟ้า ส่วน Sector ที่ต้องระมัดระวังคือ ท่องเที่ยว และ Property โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมจะไม่ perform กลับไปแบบเดิมได้จาก New Normal

- คัดเลือกหุ้น SET 1320 จุด ตึงๆ เลยวัดด้วยอัตราปันผล ราคาหุ้นที่ยังขึ้นมาน้อย และ Yield ดี ได้แก่ JASIF

- Stock Picks : Theme Well Diversified ได้แก่

1. EGCO (@363.0) : Low risk & Well diversified ไม่ได้ขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง (ไทย 57%  ฟิลิปปินส์ 12% ลาว 10% เกาหลี 16%) ประเภทของโรงไฟฟ้า (Gas 56% Hydro 10% Co-Power 25% แล้วก็ลมกับแดด) : Strong balance sheet with low net D/E at 0.6X ถือว่าต่ำ ตอนนี้มีอยู่ 5000 กว่า MW สามารถเพิ่มเป็น 10000 MW จากการกู้ได้เลย, Trading at low PER20 at 14x (Avg กลุ่ม36x)

2. PTTGC (@49.0) : Cheap Valuation among peers (0.6PBV), expect earning to recover in 2H20 (Olefins) (Olefins มี 50% ที่เหลือคือโรงกลั่นกับ Aromatics) จีนเริ่มฟื้นชัดเจนแล้ว ก็เลยประเมินว่า PolyEthylene (PE HDPE) Spread Q2 จะเริ่มฟื้น ตอนนี้ trade ต่ำกว่า -2SD ด้วยซ้ำ

3. CPALL (+TESCO + Cambodia) : Winner, less impacted among peers, SSSG ใน Q2 จะยังยืนอยู่ที่ -10% ได้ ในขณะที่ตัวอื่น -30% Valuation ยังอยู่ 78 บาท +/- ซึ่งยังไม่รวม TESCO กับ Cambodia ที่คาดว่าจะเปิด 2000-3000 สาขา (จากการเทียบสัดส่วนประชากรในไทยกับสาขาที่เปิด)​ TESCO ให้รายได้ 5200 ล้านปอนด์ ได้ Upside อีก 10 บาท +/- สำหรับ TESCO

4. BEM (@10.60 + Upside Project) : Expect ridership to bounce back to 50-60% in 2Q20 (better than forecasted), potential to win orange-line ยังไม่มีใครรวม upside สายสีส้มเลย, Social Distancing เลี่ยงการขึ้นรถไฟฟ้าไปขับรถขึ้นทางด่วนเอง, Valuation ถ้าใส่สายสีส้ม capacity 250,000 (Conservative) upside จะอยู่ที่ 1 บาท ถ้าขึ้นไปที่ 450,000 ก็จะได้มากกว่า 3 บาท แต่ของ BTS อาจต้องมี GULF STEC มา Conglomerate (กลุ่มบริษัทในเครือ) จะทำให้ได้ upside ไม่ถึง 3 บาท

----------------

คุณต้น เผดิมภพ บล.หยวนต้า

- ณ วันนี้ คนคาดหมายตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่จะออกมาไม่ดี ซึ่งจะออกมาแย่น้อยกว่าคาด สินทรัพย์เสี่ยงจะขึ้นได้ดี

- จีนเริ่มเห็นสัญญาณภาคการผลิตที่ยังเหนือกว่า 50 ส่งออกเริ่มมาเป็นบวก

- ธนาคารกลางต่างๆก็ออก QE ไม่อั้น ทำให้ช่วย sentiment

- Covid-19 Wave 2 คนกังวลว่าจะเกิดในอีก 2 เดือนข้างหน้า เหมือน ปี 1918

- สงครามการค้า ไม่น่ากลัวเหมือน 2 ปีที่แล้ว เพราะสิ้นปีนี้จะมีเลือกตั้งอเมริกา เพื่อให้ผลเลือกตั้งไปออกที่ทรัมพ์เหมือนเดิม ให้ balance ดีๆ

- P/E forward ตอนนี้สุงมากเกินไป เพราะ EPS โดนปรับลงมา

- หุ้นตอนนี้จะ sideway จนถึงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 1200 ต้นๆ – 1300 ต้นๆ ถ้าผลสำรวจเป็น U Shape หุ้นก็จะกลับมาขึ้นไปจนถึงปีหน้าจากการฟื้นตัว แต่ถ้ามี 2nd wave Covid-19 ก็จะคาดการณ์ยากแล้ว

- ตอนนี้เงินท่วมโลก สินทรัพย์ปลอดภัยมี upside ไม่เยอะ ตลาดหุ้นก็จะไม่ลงแรง อาจจะมีย่อบ้าง
- มองความเสี่ยงจากเรื่องของ Hedge Fund ว่าเม็ดเงินจะวิ่งไปทางไหน

- ถ้าโลกฟื้น อะไรจะมาก่อน สายพลังงานก็จะมาก่อนจาก Commodity ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ JPM UBS GS มองว่าน้ำมัน Bottom ไปแล้ว demand เริ่มมา supply จากที่เยอะๆ เริ่มลดลงแล้ว ส่งสัญญาณไปที่ Futures ที่กลับมามี position Long เลยมองว่า น้ำมัน ปิโตร โรงกลั่นจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้ แนะนำ TOP PTTGC PTT ส่วนจะเพิ่ม ESSO SPRC IRPC IVL PTTEP ก็เป็นตัวรอง

- การนำเข้าและการใช้จ่ายภาครัฐเป็น 2 ปัจจัยที่ปรับขึ้น มีการนำเข้าวัตถุดิบมากขึ้นในกลุ่มพลังงาน แต่การส่งออกยังไม่ดี ภาคการผลิตที่ดีคือ IC และ Semi-Conductor เลยทำให้กลุ่ม Electronic น่าสนใจ DELTA จะเป็นตัวหลัก และ HANA KCE เป็นตัวรอง

- สรุปหุ้นที่เลือก 4 ตัว คือ TOP PTTGC PTT DELTA
 
- และตัวที่ 5 คือ STA เป็น Commodity เหมือนกัน STA เองผลประกอบการก็ยังดี บริษัทลูก STGTผลิตถุงมือยางขายดี กำลังจะ ipo เข้าตลาดฯ

- ไม่ได้ดู Index เท่าไหร่ มองที่ตัวหุ้น แต่ถ้ามา 1300 ต้นๆ ก็ rebound กันหมดจนถึงเดือนกรกฎาคม แล้วมาดูเศรษฐกิจไตรมาส 2 ว่าจะเป็นตัว L หรือ U

2563/05/08

เดือน พฤษภา พาใจให้แข็งแรง

ผ่านเดือน พฤษภา มาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีวันหยุดในช่วงเดือน พ.ค. เยอะมาก..และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป..ไล่เรียงตั้งแต่
วันแรงงาน 1 พ.ค. 
วันฉัตรมงคล 4 พ.ค. 
วันวิสาขาบูชา 6 พ.ค.
และที่กำลังจะถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า คือ วันพืชมงคล 11 พ.ค.

คนทำงานภาคเอกชน บางแห่งก็หยุดแบบนี้ทุกวัน บางแห่งก็ไม่ได้หยุดทุกวัน  แต่ที่แน่ๆ พฤติกรรมของคนเราได้เปลี่ยนไปแล้ว ช่วงเดือนพ.ค. เดิมคนจะไม่ค่อยเดินทางมากนัก แต่ถ้ามีวันหยุดยาวๆ แบบนี้ ผู้คนก็จะเดินทางไปท่องเที่ยว พาใจไปพักผ่อน ...
แต่ทว่าปีนี้เป็นปีที่ไม่เหมือนปีที่แล้ว ผู้คนต่างอยู่แต่ในพื้นที่ ไม่ได้เดินทางไปที่ใด เพราะตัวเก็บตัวรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันโรคระบาดนี้  
ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขและผ่านไปด้วยกัน
ฝากบัญชีธนาคารแต่ละโรงพยาบาลที่คอยรับบริจาคน้ำใจดีจากพี่น้องทุกท่าน

2563/04/15

14 เมษายน 2563 วันครอบครัวด้วยเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi

จดๆ จ้องๆ มานานแสนนาน สินค้าคุณภาพดีที่มาจากจีนแล้วกลายเป็นสินค้าแบรนด์ระดับโลก  แต่ราคามีความหลากหลายมากเลย 
แล้วแต่ว่าเราจับได้ในช่วงเวลาใด

Super Brand Sale จาก Shoppee
ร้าน xiaomi official (Fanlinks Authorize Dealer)
เปรียบเทียบราคาจังหวะนี้ และรอดูอีก 6 เดือนข้างหน้า

15 เมษายน วันผู้สูงอายุ

วันพุธของเทศกาลสงกรานต์ของปีโควิด ที่บรรยากาศไม่เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เพราะทุกคนจะอยู่แต่บ้าน และเศรษฐกิจก็ซบเซา ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค อย่างไรก็ตามทุกชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไปด้วยความมีสติ และมีปัญญา ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นมาในอนาคต 
ขอพระคุ้มครองผู้สูงอายุทุกท่านด้วยเทอญ

2563/04/09

กรดไหลย้อน ทำให้เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม

กรดไหลย้อน ผลของอาการทางกายทุกคนก็คงพอทราบดีอยู่แล้ว ดังนั้น การปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เรากินข้าวช้าลง และกินข้าวมื้อเย็นเร็วขึ้น จากเดิมกินตอน 1 ทุ่ม ถึง สองทุ่ม ก็มากินข้าวเย็น ก่อน 1 ทุ่ม ซึ่งเราก็ทำได้

ลดการกินเนื้อสัตว์ สัตว์บกทุกประเภท หลีกเลี่ยงได้เป็นหลีกเลี่ยง เพราะกินแล้ว มันจะทำให้กรดมันเพิ่มขึ้น

เลิกกินมะเขือเทศ  แปลกแต่จริง เพราะหมอเป็นคนบอกเองว่า ถ้ากินแล้วจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนมากขึ้น ซึ่งเราก็ลองสังเกตจริงๆ เออ!! จริงด้วย วันใดที่กินมะเขือเทศ หรือ ซุปน้ำมะเขือ วันนั้นเป็นวันที่จะอึดอัดกันไปเลยทีเดียว

กรดไหลย้อน สร้างพฤติกรรมใหม่คือ การเลิกดื่มกาแฟไปเลยครับ..ช่วงเวลากว่า ยี่สิบวันที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือ ชา   เราเองก็ไม่ปวดหัวแล้วด้วย เพราะแต่ก่อนไม่กินกาแฟ แล้วจะปวดหัว แต่ตอนนี้ ไม่ปวดหัวแล้วจ้า

กรดไหลย้อน คงอยู่กับเราไปอีกนาน.. เพราะสุขภาพก่อนหน้านี้ เราดูแลได้ไม่ค่อยดีนัก  ตอนนี้กินผัก ดื่มน้ำขิง กินอาหารอ่อนๆ จากคนน้ำหนัก แปดสิบสองกิโล  ลดลงมาเหลือ เจ็ดสิบเจ็ดกิโล  แล้วฮะ  แล้วเป้าหมายต่อไป คือ เจ็ดสิบห้ากิโล ซึ่งเป็นน้ำหนักเมื่อหลายสิบปีก่อน... 

เราจะกลับมาแข็งแรง สมวัยคนกลางคนอีกครั้ง 


Keyboard Bluetooth

Today I bought keyboard blutooth from Shoppee, but i can not use it.  I try to ask my seller and let her advice me.

2563/04/06

หลังโควิด โลกธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างไร

หลังโควิด โลกธุรกิจจะเปลี่ยนไปอย่างไร

- ขณะนี้ ธุรกิจทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงช็อคกับการถดถอยของเศรษฐกิจ ปัจจัยหลักคือผลจากโควิต-19 ที่มีผลกระทบเป็นวงกว้างและร้ายแรงกว่าที่คาดไว้มาก

- ถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าทุกอย่างจะจบเมื่อไหร่ เพราะเหตุการณ์นี้ ต่อให้โควิดจบ เศรษฐกิจก็ไม่จบ

- และถึงแม้ว่าโควิดจะจบลง แต่วิธีการทำธุรกิจจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะปัจจัยแวดล้อมภายนอกในการทำธุรกิจมันเปลี่ยนตามเหตุการณ์ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค วิธีการแข่งขัน ระบบการบริหารจัดการร้าน วิธีการเข้าถึงลูกค้า ฯลฯ 

- สรุปให้สั้นคือ ของที่เคยขายได้ อาจกลายเป็นไม่จำเป็น ของที่ไม่เคยมองเห็น อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

- ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลด้านบวกกับธุรกิจ เราเรียกว่า โอกาสทางธุรกิจ Opportunity ส่วนปัจจัยที่ส่งผลร้ายกับธุรกิจ เราเรียกว่า ภัยคุกคาม (Threats) 

- ปัจจัยภายนอกเหล่านี้ คือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่จำเป็นต้องคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพื่อที่จะได้คว้าโอกาสหรือรับมือได้ทัน

- อย่าสับสน เอาโอกาสทางธุรกิจไปเทียบกับสิ่งที่เรียกว่า fake demand หรือความต้องการซื้อแบบปุบปับ เพราะโอกาสทางธุรกิจจะเป็นสิ่งที่ระยะยาว เป็นเชิงกลยุทธ์ เกิดแล้วจะอยู่กับเราไปอย่างน้อย 2-3 ปี ส่วน fake demand คือเกิดแบบสั้น ๆ เช่นการการซื้อของตุน หรือซื้อของเพื่อฉวยโอกาสเก็งกำไร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สิ่งที่คาดว่า จะเกิดขึ้นหลังจากโควิดจบ 
ต้องไปแปลเอาเองว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นบวกหรือลบสำหรับธุรกิจของเรา 

1. โลกเหมือนสภาพหลังสงคราม ธุรกิจใหญ่น้อยเสียหายตามกำลังการบริโภคที่หายไป เตรียมใจไว้เลยว่า สภาวะแบบนี้ ใช้เวลานานกว่าจะกลับมาเท่าเดิม 

2. ประเทศไทยจะจนไปอีกนาน เนื่องจากรายได้รัฐจากภาษีทุกประเภทลด (Vat, สรรพสามิต, ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ในขณะเดียวกัน รายจ่ายก็เพิ่มขึ้น

3. กำลังซื้อจะหายไปมากกว่า 60-70% สินค้าฟุ่มเฟือยจะเป็นที่ต้องการน้อยลงเนื่องจากช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว ผู้คนจะใช้เงินกับสิ่งจำเป็นมากกว่า และมีราคาที่พอเหมาะตามฐานะมากขึ้น

4. เงินในระบบจะค่อยๆหายไปจากเศรษฐกิจจากการเรียกใช้งาน application จากต่างประเทศทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาผ่าน social media หรือบริการส่งของถึงบ้าน เราทุกคนกำลังทำให้ประเทศและตัวเองยากจนลงไปอีกเพราะความสบาย ช่วยกันใช้เท่าที่จำเป็นและวัดผลได้ก็พอ

5. ผู้คนเคยชินกับการอยู่บ้านมากขึ้น พร้อมกับธุรกิจที่รู้แล้วว่า การมีออฟฟิศใหญ่ๆสำหรับพนักงานทุกคนเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

6. ศูนย์การค้าก็อาจเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับคนอยากมีร้านเช่นกัน

7. นอกจาก Work From Home แล้ว เราจะเห็น Study From Home เป็นเรื่องปกติมากขึ้นโดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาขึ้นไป

8. จับตาเรื่องหนี้เสีย  (NPL) เพราะจะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจตัวต่อไป 

9. อาชญากรรมและความปลอดภัย จะสวนทางกับเศรษฐกิจเสมอ

10. Online กลายเป็น lifestyle ปกติไปโดยที่เราไม่รู้ตัว และกลายเป็นช่องทางการขายหลักของธุรกิจเล็ก

11. โลกจะเริ่มแบ่งแยกและปกป้องประเทศตัวเองมากขึ้น เราจะกลับไปสู่คำว่า ต่างคนต่างอยู่อย่างรัดกุมมากขึ้น

12. การเดินทางต่างประเทศลดลง ทั้งเรื่องส่วนตัวและเพื่อธุรกิจ 

13. รวมถึงการปิดกั้นแรงงานต่างชาติ เพราะแต่ละประเทศจะสนับสนุนให้จ้างงานคนในชาติก่อน ประเทศที่เคยพึ่งแรงงานต่างชาติจะลำบากมาก

14. นอกจากแรงงานจะหายแล้ว ทักษะงานหลายอย่างก็หายตามไปด้วยเนื่องจากเว้นว่างจากการทำงานไปนาน 

15. หุ่นยนต์ยิ่งมีบทบาทมากขึ้นอีกและจะถูกเร่งพัฒนาออกมาให้แทนปัญหาคน (แรงงานขาด คนขาดทักษะ และค่าแรงสูง)

16. คนวัยทำงานต้องทำงานหนัก แทบไม่มีเวลาออกไปพักผ่อน เที่ยวเล่นเหมือนเดิม

17. สิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลายมากที่สุด คือการเสพสื่อผ่านมือถือ

18. ภาษากลายเป็นสิ่งสำคัญอีกครั้ง โดยเฉพาะภาษาของประเทศในโลกกำลังพัฒนาใหม่ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่น อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ ส่วนยุโรปกับอเมริกา ฝากความหวังได้น้อยมาก 

19. คนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1 เรื่องคือด้านการป้องกันสุขภาพ ธุรกิจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นและเรื่องระบบป้องกัน screening ด้านความสะอาด จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาให้เห็น 

20. ธุรกิจอาหารที่มือผู้ขายและผู้ซื้อจะสัมผัสกับอาหารโดยตรง จะได้รับความนิยมลดลง

21. ระบบข้อมูลสุขภาพรายบุคคล จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญในทุกวงการ

22. สินค้าที่คุณภาพระดับ Good Enough ในราคาที่ Affordable จะเป็นสิ่งหลักที่ขับเคลื่อนตลาด สินค้าที่วางตัวเองเป็น Premium Mass (คุณภาพดีกว่าในราคาที่คนส่วนใหญ่ซื้อได้) จะเป็นตัวผลักดันธุรกิจให้มีกำไร

23.​ ลืมคำว่า​ Experienced Marketing ไปสักระยะ​ โลกยุคต่อไปคือ​ Survived Marketing การตลาดที่ช่วยให้ผู้บริโภคเอาตัวรอดได้ไปพร้อมแบรนด์​

24. ธุรกิจ luxury จะซบเซาไปอีกพักใหญ่หาไม่ปรับกลยุทธ์การออกสินค้าใหม่

25. แบรนด์เนมจะแตกไลน์ไปหาธุรกิจใหม่ที่ขายได้ โดยใช้ชื่อเสียงเดิมเป็นตัวรับประกันคุณภาพ

26. อาชีพการตลาดแบบตรงจะกลับมารุ่งเรือง การขายแบบผ่านคนกลางจะลดบทบาทลงเพราะถูก online แทนที่

27. วัตถุดิบจะกลับมาราคาลดลง เพราะผ่านการซื้อขายที่ไม่ผ่านคนกลาง

28. Lifestyle แบบ self-made ธุรกิจลักษณะ homemade จะกลายเป็นเรื่องปกติ 

29. ผู้ที่สร้างผลผลิตได้เองจะฟื้นตัวได้ก่อน คนกลุ่มนี้คือกำลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ 

30. ส่วนตัวคิดว่าเป็นยุคที่โลกหมุนกลับมาให้คุณค่ากับอาชีพเกษตรกรรม และจะเหนือกว่าถ้าเป็นเกษตรกรรมเชิงเทคโนโลยีที่ควบคุมเรื่องคุณภาพและความสะอาด ไม่ใช่ปลูกแบบใช้ปุ๋ยหรือสารเคมี

ทั้งหมดที่เขียนมา เป็นมุมมองส่วนตัวทั้งหมด เชื่อหรือไม่ แล้วแต่ความสะดวกใจนะครับ แต่ที่แน่นอนคือจากนี้ การทำธุรกิจจะเป็นงานยาก กับการปรับตัวรับมือกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ 

แต่เราจำเป็นต้องปรับตัวไปกับมันให้ได้เช่นกันนะครับ 
cr.trick of the trade

2563/03/30

คนที่ยากลำบาก...

Glad to see everyone adapt to change so quick...as someone said “Remember that tough times don’t last, tough people do”

You guy really a proof of this claim!!!

2563/03/27

กรดไหลย้อน กินอะไรดี ที่ช่วยบรรเทา

(บันทึกไว้ หลังจากเป็นมาได้ 2 สัปดาห์)

กรดไหลย้อน

เพราะ “กรดไหลย้อน” มีปัจจัยหลักๆ มาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้อง เมื่อตรวจพบโรคกรดไหลย้อน นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ การเลือกกินอาหารที่เหมาะสม...คืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้อาการกรดไหลย้อนน้อยลงได้

1. อาหารไขมันต่ำ อย่างเช่น เนื้อปลา, ไก่, ไข่ขาว, นมไขมันต่ำ หรือน้ำเต้าหู้

2. อาหารไฟเบอร์สูง ควรเน้นอาการที่มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง อย่างเช่น ธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีท, ผัก ผลไม้ เป็นต้น โดยผลไม้สำหรับคนเป็นกรดไหลย้อนนั้น ควรเป็นผลไม้ที่ไม่มีกรดมาก อย่างเช่น กล้วย, แตงโม, แคนตาลูป, แอปเปิ้ล, พีช, ลูกแพร์, อะโวคาโด หรือผลไม้รสหวานชนิดอื่น ๆ

3. ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม ช่วยย่อย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยลดอาการท้องอืด หรืออาการกรด-แก๊สในกระเพาะเกินได้


4. อาหารที่มีไขมันดี ร่างกายคนเราต้องการไขมันเป็นพลังงาน ดังนั้นคนเป็นโรคกรดไหลย้อนก็ไม่ควรงดไขมันด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไขมันที่คนเป็นกรดไหลย้อนกินได้ ควรเป็นไขมันชนิดดีจากอะโวคาโด แฟลกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น 

นอกจากอาหารการกิน คนเป็นโรคกรดไหลย้อนควรงดสูบบุหรี่และกินมื้อเย็นแค่พออิ่ม หรือเปลี่ยนมื้อเย็นเป็นผัก-ผลไม้แทน ที่สำคัญคือไม่ควรกินแล้วนอน หรือเอนกายลงพักผ่อนทันที ควรกินอาหารก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง และควรนอนตะแคงซ้ายพร้อมกับหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว พร้อมทั้งควบคุมน้ำหนักตัวให้ดี ไม่ให้มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูง เสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนได้มากกว่า

ศูนย์โรคกรดไหลย้อน โรงพยาบาลพญาไท 2 

ชั้น อาคาร A   

2563/03/24

บริจาค ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ

ขณะนี้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกำลังเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการรักษาผู้ป่วยจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มียอดสูงขึ้นเป็นลำดับในแต่ละวัน นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมรักษาผู้ป่วยแล้ว เรายังคงต้องการเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องช่วยหายใจ

เชิญทุกท่านร่วมกันบริจาคเงินซื้อ “เครื่องช่วยหายใจ” และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเป็นอาวุธสำคัญในการรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วย ในโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

บริจาคออนไลน์ www.ramafoundation.or.th
LINE @RamaFoundation
• ธ.กรุงเทพ 090-3-50015-5
• ธ.กสิกรไทย 879-2-00448-3
• ธ.ไทยพาณิชย์ 026-3-05216-3
สอบถามโทร. 0-2201-1111

มาร่วมกันต่อสู้กับ COVID-19 และผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

#รามาฯร่วมใจสู้ภัยโควิด
#คำว่าให้ไม่สิ้นสุด

2563/03/20

เยอรมัน สมแล้งที่ดูแลยุโรปมาเป็นอย่างดี

คำกล่าวต่อประชาขนของผู้นำเยอรมัน ดีมากๆ พูดได้ดีมากๆ (คนแปลก็แปลได้จับใจมาก)

ประชาชนที่รัก

โคโรน่าไวรัสได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปอย่างมาก ความเข้าใจในสภาวะปกติของชีวิตประจำวัน ของการอยู่ร่วมกันในสังคม กำลังถูกทดสอบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

พวกท่านนับล้านคนไปทำงานไม่ได้ ลูกหลานไปโรงเรียนหรือสถานอนุบาลไม่ได้ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และร้านค้าต่างปิดตัวไป และสิ่งที่อาจจะลำบากยากเย็นที่สุดคือ เราจะไม่ได้พบหน้ากันอย่างที่ควรจะเป็นตามปกติ

แน่นอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เราทุกคนล้วนกังวลสงสัยว่า "จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป"

ข้าพเจ้าจึงได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้ เพราะข้าพเจ้าประสงค์จะบอกกล่าวต่อท่านว่า

ในฐานะสมุหนายก และเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าทุกคนในรัฐบาลสหพันธรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้

นี่คือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่เปิดกว้างของเรา
ที่เราจะทำให้การตัดสินใจทางการเมืองโปร่งใส และอธิบายต่อประชาชน
ว่าเราจะสร้างการสื่อสารการลงมือทำของเราให้ดีที่สุดสุดกำลังของเรา
ให้ทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่ง มีความสัมพันธ์ร่วมกัน

ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างหนักแน่นว่า เราจะจัดการงานครั้งนี้ได้สำเร็จ
หากประชาชนทุกคน มองว่าเป็นหน้าที่ร่วมกันของพวกเรา
ดังนั้น ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวย้ำอีกครั้งว่า

"นี่เป็นเรื่องจริงจัง โปรดได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เช่นกัน"

นับแต่การรวมชาติเยอรมัน ไม่สิ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ไม่เคยมีความท้าทายใดจะคุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้
ซึ่งทำให้เราต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง

ข้าพเจ้าขออธิบายสถานการณ์ของโรคระบาดในประเทศของเราในปัจจุบัน
และสิ่งที่รัฐบาลสหพันธ์และรัฐบาลแห่งแคว้นได้กำลังลงมือทำอยู่
เพื่อปกป้องทุกคนในชุมชนของเรา
เพื่อลดความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

แต่ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะบอกต่อท่านถึงเหตุผล ว่าทำไมความช่วยเหลือของท่านจึงจำเป็น และบอกถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยเหลือกันได้ในยามโรคระบาดเช่นนี้

ข้อมูลของข้าพเจ้าได้มาจากคำปรึกษาของรัฐบาลกลาง ร่วมกับสถาบันโรแบร์ต คอช นักวิทยาศาสตร์และนักไวรัสวิทยา

การวิจัยอย่างเข้มข้นกำลังดำเนินไปทั่วโลก แต่ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาหรือวัคซีนที่จะต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสนี้ได้ ดังนั้น ตราบที่ยังเป็นอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้ และเป็นแนวทางปฏิบัติของพวกเราทั้งหมด คือ

"การชะลอการระบาดของไวรัส"

เพื่อถ่วงเวลาให้ยาวนานข้ามวันเดือน และเอาชนะด้วยเวลา
เวลาที่วิทยาศาสตร์จะพัฒนายาและวัคซีน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลา
เวลาที่จะให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและหายดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เยอรมนีมีระบบการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อาจจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ดีที่สุดในโลก
ซึ่งนำความเชื่อมั่นมาให้เรา
แต่เมื่อโรงพยาบาลของเราเต็มล้น
หากในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากเกินไป
ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขสถิติ
แต่คือคุณพ่อ คุณปู่ คุณตา
คุณแม่ คุณย่า คุณยาย
คนรักของเรา
พวกเขาคือผู้คน
และเราคือชุมชนที่อยู่ร่วมกัน
ซึ่งทุกชีวิต ทุกคน มีคุณค่า มีความหมาย

ในโอกาสนี้ อันดับแรก ข้าพเจ้าอยากจะขอกล่าวถึง
เหล่าแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและบุคลากรที่ทำงานสาธารณสุขทุกท่าน ผู้ยืนอยู่ในแนวหน้า พวกท่านได้พบกับผู้ป่วย พบความรุนแรงของการติดเชื้อ และเช้าวันรุ่งขึ้น พวกท่านก็ยังต้องไปทำงานอีก

สำหรับผู้คนแล้ว สิ่งที่ท่านทำนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ข้าำเจ้าขอขอบพระคุณจากใจจริง

เป้าหมายของเราคือ การถ่วงเวลาที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วเยอรมนี
เราจึงจำเป็นต้องลดการใช้ชีวิตนอกบ้านให้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ให้ประเทศของเราดำเนินงานต่อไปได้

ทรัพยากรในการดำรงชีพ ต้องรับประกันว่าจะมีเพียงพอ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามปกติให้มากที่สุด

แต่สิ่งใดที่จะเป็นภัยต่อผู้คนจำนวนมาก สิ่งที่จะก่อความเสียหายต่อบุคคลหรือชุมชน เราต้องลดลงตั้งแต่บัดนี้ เราต้องลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ผู้อื่นให้เหลือน้อยที่สุด

ข้าพเจ้าทราบดีว่า มาตรการนี้ยากลำบากเพียงใด ไม่มีงานกิจกรรม ไม่มีงานออกร้านค้าขาย ไม่มีคอนเสิร์ต และในตอนนี้ ไม่มีการไปโรงเรียน ไม่มีการไปมหาวิทยาลัย ไม่มีการไปสถานอนุบาล ไม่มีการละเล่นในสนามเด็กเล่น ข้าพเจ้าทราบว่าการปิดทุกอย่างดังกล่าวมา ซึ่งรัฐบาลกลางและรัฐบาลแคว้นเห็นพ้องต้องกัน นั้นได้แทรกแซงชีวิตและความเป็นประชาธิปไตยของเรา

เป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสาธารณรัฐของเรา

แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า
สำหรับข้าพเจ้าที่ได้ต่อสู้อย่างหนักหน่วงมายาวนาน เพื่อให้ได้เสรีภาพในการเดินทางและเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่

การจำกัดสิทธินี้เป็นเพียงมาตรการในสถานการณ์จำเพาะอย่างยิ่ง
ในระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่พึงกระทำการตามอำเภอใจ
และจะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น
เพราะในเวลานี้ เป็นวิธีที่ขาดไม่ได้ในการรักษาชีวิตคน
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ การตรวจคนเข้าเมืองบริเวณพรมแดนและการจำกัดการเข้าเมืองจะมีผลบังคับใช้

สำหรับทางด้านเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่และเล็ก ร้านค้า ร้านอาหาร คนทำงานอิสระ เป็นเรื่องยากลำบากที่จะดำเนินการต่อไป และในสัปดาห์หน้า จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้าขอรับรองว่า รัฐบาลของเราจะทำงานอย่างสุดกำลังเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาตำแหน่งงาน
เราสามารถและจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและคนทำงานในการทดสอบที่ยากลำบากนี้ และทุกคนจะมีอาหารอย่างเพียงพอในทุกเวลา หากชั้นวางสินค้าว่างเปล่าลง จะถูกเติมให้เต็ม

สำหรับผู้ที่กำลังซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า การเก็บตุนเสบียงเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกักตุนไว้เป็นจำนวนมากนั้นไม่พึงเกิดขึ้น การกักตุนเกินต้องการนั้นไร้ประโยชน์ และเป็นสิ่งแสดงถึงการขาดจิตสำนึกร่วมอย่างร้ายแรง

และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ เหล่าบุคคลที่ได้รับคำขอบคุณน้อยครั้งนัก
เหล่าผู้ที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงินของร้านค้า
เหล่าผู้ที่เติมสินค้าให้ชั้นวางของ
พวกท่านได้ทำงานที่สำคัญและยากลำบากที่สุดงานหนึ่งในเวลานี้
ขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่ทำงานให้ร้านค้าทั้งหลายยังเปิดอยู่ได้

ต่อจากนี้เป็นเรื่องด่วนที่สุดสำหรับข้าพเจ้า
มาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการ ล้วนมีจุดประสงค์
หากเราไม่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัส คือพวกเราทุกคน
เราทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสได้อย่างเท่าเทียมไม่แตกต่างกัน
ดังนั้นเราต้องช่วยกัน

อันดับแรก เราจึงต้องจริงจัง แต่ไม่ตื่นตระหนก
ไม่โทษกันเองว่าไม่ทำตามบทบาท เพราะทุกคนนั้นขาดไปไม่ได้
ทุกคนล้วนสำคัญ ต้องอาศัยความพยายามของพวกเราทุกคนไปพร้อมกัน
โรคระบาดครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า เราอ่อนแอเปราะบางแค่ไหน
เราต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นมากเพียงใด

แต่ก็เป็นโอกาสให้เราป้องกันตัวเองและคุ้มครองผู้อื่น สร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ทุกคนมีความสำคัญ

เราต้องไม่ถูกประณามว่ารับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างเฉื่อยชา เรามีวิธีแก้ไขรักษา แม้เราจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน

ข้อแนะนำของนักไวรัสวิทยานั้นชัดเจน
ไม่จับมือ
ล้างทำความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ
อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
งดเว้นการติดต่อกับผู้อาวุโส เพราะพวกท่านมีความเสี่ยงสูงสุด

ข้าพเจ้าทราบดีว่ามาตรการดังกล่าวนั้นยากลำบากยิ่งนัก
โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่กดดัน เรายิ่งอยากอยู่ร่วมกันใกล้ชิด
อยากดูแลกันอย่างชิดใกล้
แต่ในเวลานี้ น่าเสียดายที่การทำตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่า
เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ การห่างไกลกันคือการแสดงความห่วงใย
การเยี่ยมเยือน การเดินทางที่ไม่จำเป็น ล้วนแล้วแต่อาจทำให้ติดเชื้อได้
และไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้
และนี่คือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
ปู่ย่าตายายและหลานๆ ยังไม่ควรเจอกัน

ผู้ที่หลีกเลี่ยงการพบปะโดยไม่จำเป็น จะช่วยเหล่าผู้คนที่ยังทำงานในโรงพยาบาล ที่กำลังดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน นี่คือวิธีที่เราจะช่วยรักษาชีวิตคนได้

เป็นเรื่องยาก ที่จะไม่ทิ้งใครให้อยู่เพียงลำพัง ที่จะดูแลคนที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแล ในฐานะครอบครัวและสังคม เราจะหาทางร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ในตอนนี้ได้มีวิธีการมากมายที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อสู้กับไวรัสและผลกระทบทางสังคม
มีเหล่าหลานๆ ที่บบันทึกพ็อดแคสต์ส่งให้ปู่ย่าตายายของพวกเขาได้ฟัง ให้รู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ตามลำพัง

เราทุกคน จะหาทางแสดงความรักและมิตรภาพ สไกป์ โทรศัพท์ อีเมล หรือแม้แต่กลับมาเขียนจดหมายกันอีกครั้ง

จดหมายไปรษณีย์ทั้งหมดจะได้รับการส่งถึงอย่างแน่นอน

มีข่าวเล่าถึงการช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่สูงอายุ ซึ่งไม่สามารถออกไปซื้อของได้ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก!

เราจะแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นสังคม เราจะไม่ทิ้งให้ใครอยู่เพียงลำพังคนเดียว

ข้าพเจ้าร้องขอต่อท่านว่า โปรดจงได้เคารพกฎที่กำลังจะออกมาต่อจากนี้
เรา ในฐานะรัฐบาล จะตรวจสอบแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเราจะทบทวนตอบสนองมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทำงานได้ในทุกเวลา และแน่นอนว่า เราจะอธิบายให้ทุกท่านรับทราบในทันที

ด้วยเหตุฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงขอย้ำต่อท่านว่า "อย่าหลงเชื่อข่าวลือใดๆ!"
นอกจากข่าวสารจากทางการ ซึ่งเราจะแปลออกเป็นหลายภาษา

เราเป็นชาติประชาธิปไตย
เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างถูกบังคับ
แต่อยู่ได้โดยการแบ่งปันข้อมูลความรู้และความร่วมมือกัน

นี่คืองานชิ้นประวัติศาสตร์
และจะสำเร็จลงได้ด้วยการร่วมมือกัน

ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า
เราจะข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
แต่ด้วยผู้เสียหายจำนวนเท่าใด?
เราต้องเสียคนที่เรารักไปมากเท่าใด?
คำตอบนั้นอยู่ที่สองมือของเราลงมือทำ

ในตอนนี้ เราจะร่วมคิด ร่วมทำ ไปร่วมกัน
เราสามารถยินยอมรับข้อจำกัดต่างๆ แล้วเผชิญหน้าไปพร้อมกัน
สถานการณ์ตอนนี้หนักหนา แต่ก็ยังเปิดกว้าง
หมายความว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวินัยของทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎและดำเนินการให้สอดคล้องกัน

แม้ว่าเรายังไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เราจะกระทำอย่างจริงใจและมีเหตุผล เพื่อที่จะรักษาชีวิตผู้คนไว้

โดยไม่มีข้อยกเว้น ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน และเราทุกๆ คน
ได้โปรดดูแลตัวเองและคนที่ท่านรัก

ข้าพเจ้าขอขอบคุณ

- อังเกลา แมร์เคิล, สมุหนายกแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
แถลงข่าวทางโทรทัศน์ต่อสาธารณชนเยอรมัน 19 มีนาคม 2020

ธีรภัทร เจริญสุข แปลจาก

https://www.youtube.com/watch?v=F9ei40nxKDc&feature=youtu.be&fbclid=IwAR0FJ144IhiYQSId4WEVr9tGuM-etR8KKoZJvmzvmsL99IrcQH2LXbC4RYw

2563/03/16

จากสิงคโปร์ ความรู่สู่คนไทย


จากกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์

สัญญาณแรกของ Covid-19 จาก MOH - บทสรุป

รับรู้อาการของ COVID-19 จากวันต่อวัน

วันที่ 1-3
1. อาการคล้ายหวัด
2. อาการเจ็บคอเล็กน้อย
3. ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย ยังคงกินอาหารและดื่มตามปกติ

วันที่ 4
1. เจ็บคอเล็กน้อย ร่างกายรู้สึกเหมือนเมาเหล้า
2. เสียงเริ่มเปลี่ยน
3. อุณหภูมิของร่างกายประมาณ 36.5 °
4. เริ่มมีอาการที่กินลำบากนิดๆ
5. ปวดหัวเล็กน้อย
6. ท้องเสียอย่างอ่อนๆ

วันที่ 5
1. มีอาการเจ็บคอและเสียงเปลี่ยน
2. อุณหภูมิของร่างกาย btw 36.5 ° -36.7 °
3. ร่างกายอ่อนแอและรู้สึกปวดข้อต่อ

 วันที่ 6
1. เริ่มมีไข้เล็กน้อยที่มีอุณหภูมิประมาณ 37 °
2. มีอาการไอแห้ง
3. มีอาการเจ็บคอขณะกินอาหาร กลืนอาหาร หรือ พูดคุย
4. อ่อนเพลียมากและคลื่นไส้
5. หายใจลำบากเป็นครั้งคราว
6. มีอาการปวดนิ้ว
7. ท้องร่วง และ อาเจียน

วันที่ 7
1. มีไข้สูงขึ้นจาก 37.4 ° -37.8 °
2. อาการไออย่างต่อเนื่องและมีเสมหะ
3. ปวดตัวและปวดหัว
4. อาการท้องร่วงแย่ลง
5. มีอาการอาเจียน

วันที่ 8
1. ไข้ประมาณ 38 °หรือสูงกว่า 38 °
2. หายใจลำบาก ทุกครั้งที่หายใจ รู้สึกแน่นหน้าอก
3. อาการไออย่างต่อเนื่อง
4. ปวดหัว ข้อต่อเริ่มใช้งานไม่ได้อ่อนแอ และปวดก้น

วันที่ 9
1. อาการยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะแย่ที่สุด
2. อาการไข้แย่ลง
3. อาการไอแย่ลง
4. การหายใจลำบากติดขัด และต้องใช้แรงมากในการหายใจ

ในระยะนี้จำเป็นต้องตรวจเลือดและเอ็กซ์เรย์ทรวงอกทันที

Cr./ The ministry of public health ..
🇸🇬Singapore 

2563/03/15

ถ้าทำได้ทุกร้านอาหาร ก็คงดีนะ

Dear our valued guests and friends,

Since the spread of the coronavirus is getting real in our community, Phuket decides to do our part to promote social distancing and sanitizing. We'll do the following, starting today.

1. The tables will be re-arranged so that each party will be seated apart from the other party. The number of tables will be reduced. 

2. One-time use plastic utensils will be provided. However, our silverware will be available as well if you prefer. All of our silverware will be cleaned and sanitized as always.

3. All of the shared condiment and sauce bottles will be limited. For sushi, soy sauce will be poured into a one-time use plastic cup. 

4. We have always changed the paper sheet on every table for a new party. We'll continue doing so for the cleanliness.

5. The menu will be sanitized every time when it is used.

6. The handles at the entrance doors will be sanitized as often as we can or at least every 30 minutes. 

7. Our servers are instructed to wash their hands very often and to use hand sanitizer every time when serving the food. 

8. We highly encourage you to order your food to-go. You can order it online at the link below.

Please wash your hands before dining and before leaving the restaurant. 

Everyone can play a critical role to prevent this disease. It's not the Federal government, not the State, not the hospital, but it's the responsibility of everyone in the community. Help yourself is to help everyone!

We're in it together and we'll get through this together. 

Consciously Yours,

Phuket Management 
Cr: phuket restaurant , U.S.A.

2563/03/03

ภาษีเงินได้ ปีนี้

ครม.อนุมัติยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ"ชิม ช้อป ใช้"


          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 63)--นางนฤมล ภิโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนและเงินชดเชยภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
          สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง คือ กำหนดให้เงินสนับสนุนและเงินชดเชยที่ผู้มีเงินได้ได้รับตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ อันเนื่องมาจากการซื้อสินค้า หรือรับบริการจากผู้ขายสินค้า หรือผู้ให้บริการผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 และวันที่ 12 พ.ย.62 เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          

2563/02/28

หน้าร้อน ไปหนีเที่ยวกับ sneak out

🎉รวม 5 ที่พัก ติดทะเล ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ที่ชลบุรี๊ !!! 🌊

💆‍♀️ วันหยุดทั้งทีอยากไปนอนพักผ่อนริมทะเลใกล้ๆกรุงเทพขอแนะนำที่ชลบุรีเลย เพราะขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง แถมทะเลสวย ของกินเพียบ วันนี้เราเลยคัด 5 ที่พักติดทะเล ราคาน่ารักๆมาฝากเพื่อนๆกัน 💸

🌅 ที่แรกคือ “Baan Tah on the sea”  ห้องพักสไตล์รีสอร์ทกึ่งบ้านพักตากอากาศ ที่บางเสร่ ความพิเศษอยู่ที่ทุกห้องสามารถมองเห็นทะเลได้จากระเบียงบ้านเลย แถมตอนเย็นก็นั่งปิ้งบาร์บีคิว ชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อีกนะ 🍢🍢

🏡 ทีพักต่อมาคือ “The boathouse (Bang Sare)” โฮมสเตย์ริมทะเลสุดชิลล์ กับตัวบ้านที่ยื่นลงไปในทะเล ส่วนข้างในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่าย  ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมานอนบ้านเพื่อน ส่วนอาหารที่นี่ก็เป็นแบบโฮมเมดปรุงสดใหม่ทุกวันด้วยนะ 🥘🍚

💦 มาต่อกันที่ “The Loft Seaside Sriracha Hotel” ห้องพักที่มีความเรียบง่ายแต่ลงตัว เหมาะแก่วันพักผ่อนสุดๆ มาพร้อมสิ่งอำนวยความแบบสะดวกครบครัน ที่สำคัญห้องพักมองเห็นวิวทะเลได้แทบจะทุกห้องเลยน้า ส่วนเรื่องอาหารการกิน ที่นี่เค้ามีห้องอาหาร มีอาหารให้เลือกทานได้หลายสัญชาติเลย แอบกระซิบว่าที่นี่มีออนเซ็นด้วยซึ่งถ้าใครมาพักที่นี่ก็จะส่วนลดออนเซ็นไปเลย 50เปอเซ็นต์ ประหยัดไปได้เยอะเลยแหละครับ ⛵

🏊‍♀️ และที่ต่อมาก็คือ “The Journey Beach Resort”  ที่พักสไตล์ Pool villa ตกแต่งแนวผจญภัย ดีไซน์สุดเก๋ มีแค่ 8 ห้องเท่านั้น ทุกห้องจะถูกล้อมรอบด้วยสระน้ำผืนเดียวกัน แต่รับประกันความเป็นส่วนตัวแน่นอนเพราะ บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้เรียงตัวลดหลั่นกันไป ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วงที่นี่ตั้งอยู่ข้างร้านดัง The glass house สามารถหาทานอาหารได้ง่ายๆเลย 🦐🐙

🎁 ที่สุดท้ายที่ก็คือ “Kalm Bangsaen Hotel” โรงแรมเล็กๆ กะทัดรัดในชายหาดบางแสน  ที่ใครมาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอนะ เพราะมีจุดเด่นที่อาคารรูปทรงเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมเอามาซ้อนๆทับกัน เพื่อให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเล ส่วนบางห้องก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำ บอกเลยว่าเก๋มากๆเลยล่ะครับ 🚤🌊

🥂👜 รู้อย่างงี้แล้วรออะไร เก็บกระเป๋า เตรียมตัว เตรียมตังให้พร้อม จัดชุดสวยๆปพักชิลๆริมทะเลกันจ้า รีบไปจอง รีบไปพักผ่อนกันได้แล้ว ไปกัน !!!! 💃💃

🚘สามารถหนีเที่ยวได้ที่ 🚘
🏡Baan Tah on the sea, บางเสร่, สัตหีบ,  ชลบุรี
💸ราคาที่พัก (1,400- 1,500บาท)
📞เบอร์ติดต่อ :  082-981-9742
📍พิกัด : https://goo.gl/maps/TN9S4N7cL3s

🏡The Boathouse, บางเสร่, ชลบุรี
💸ราคาที่พัก (900-2,800บาท)
📞เบอร์ติดต่อ :  084-900-3702 
📍พิกัด : https://goo.gl/maps/6LdAYoHsmFx

🏡The Loft Seaside Sriracha Hotel
💸ราคาที่พัก(1,378-2,842บาท)
📞เบอร์ติดต่อ : 038 311 609
📍พิกัด : https://goo.gl/maps/WKCbk9zep1y

🏡The Jounery Beach Resort, ชลบุรี 
💸ราคาที่พัก(1,798บาท)
📞เบอร์ติดต่อ : 038-255-331
📍พิกัด : https://goo.gl/maps/Lqgb6L5cMcD2

🏡Kalm Bangsaen Hotel, ชลบุรี 
💸ราคาที่พัก(1,721-2,040บาท) 
📞เบอร์ติดต่อ : 038-383-250
📍พิกัด : https://goo.gl/maps/bY3kwo4xSeq

สามารถติดตามพวกเราผ่านช่องทาง ‘หนีเที่ยว’ ต่อไปนี้
👍🏻 Facebook : https://bit.ly/2SFis0R
📺 YouTube : http://bit.ly/SneakOutYouTubeS
📱 LINE@ : https://bit.ly/2Qv5ml3
📸 Instagram : https://bit.ly/2VxlEh0
👥 FB Group ‘กลุ่มคนหนีเที่ยว’ : https://bit.ly/2FjnTPj
👥 FB Group ‘กลุ่มตลาดนัดคนหนีเที่ยว’ : https://bit.ly/2Fhn09U

#SneakOut #หนีเที่ยว #SneakOutChonburi #BaanTahOnTheSea #ชลบุรี #บางเสร่ #SneakOutThailand #หนีเที่ยวไทย #ทะเล #Sunset #BaanTah #สัตหับ #บ้านต๊ะ #ฺรวม5ที่พักติดทะเลชลบุรี #ที่พักไม่เกิน2,000บาท #TheBoatHouse #TheLofeSeaside #TheJourneyBeachResort #KalmBangsaenHotel #ติดทะเล

2563/02/25

คอกาแฟ และ กองทุนรวม

americano
Hot 110.-/cup
กาแฟร้อนระดับ Starbuck


85.-/cup  กาแฟร้อน ระดับ Aubonban

55.-/cup americano premium  ระดับ Amazon

35.-/cup americano ระดับ 7-Eleven

สำหรับคนติดกาแฟเช่นคุณ
ในสถานการณ์แบบนี้  เราควรจะดื่มกาแฟแบบใดดีล่ะ??

ถ้าคุณมีเงินเดือน 300,000 บาท
ดื่มตัวท้อปทุกวันทำงาน 110*25 = 2,750 บาท คิดเป็น 0.91% ของรายได้

แต่ถ้าคุณมีเงินเดือน 30,000 บาท ดื่มตัวท็อปทุกวัน คิดเป็น 9.16% ของรายได้  แต่ถ้าคุณดื่มล่างสุด 35*25 = 875 บาท
คุณจะเหลือเงินเก็บ 1,875 บาท เชียวนะ...

และเงิน 1,875 บาทต่อเดือน เอาไปเก็บในรูปแบบกองทุนรวมหุ้น (มีมากมายลองไปเลือกเอา)
เก็บไว้แค่ 16 เดือน เหมือนคุณมีรายได้เพิ่มอีก 1 เดือนเลยนะ
16*1,875 = 30,000 บาท

ซึ่งโดยปกติกองทุนรวมเหล่านี้ให้ผลตอบแทน 8-10% ต่อปี
ก็คิดดูละกันนะว่าคุณจะดื่มกาแฟแบบใด 

#คอกาแฟ #ได้อย่างที่คิด #americano #coffee

2563/02/22

ชัดเจน โควิด-19 มาแน่

เคส "ผู้ติดเชื้อรายที่31" ของเกาหลีใต้นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ผู้ติดเชื้อรายนี้ คือคุณป้าอายุ 61 อาศัยในเมือง แทกู ที่เกาหลีใต้  ป้าแกเป็นสมาชิกของลัทธิซินชอนจิ


ลัทธินี้เขาก็จะมีกิจกรรมให้สาวกมาร่วมสวดกันบ่อยๆ แต่ทางลัทธิเขาก็รู้ข่าว covid-19 ตั้งแต่ตอนเดือนมกราละ และมีประกาศให้สาวกทราบว่า ถ้าใครมีอาการป่วย ให้แจ้งทางสตาฟ์และกักตัวดูอาการที่บ้าน

ป้าผู้ติดเชื้อรายที่31 แกมีอาการไอจามมาตั้งแต่ตอนนั้นละ แต่แกคิดว่า ชั้นแค่เป็นหวัดน่า ไม่ใช่ covid-19 หรอก ป้าแกจึงมาร่วมกิจกรรมที่โบสถ์ของลัทธิตามปรกติ


ทีนี้ป้าแกนอกจากไปโบสถ์ทั้งๆที่ไอค่อกไอแค่กแล้ว แกก็ยังไปใช้ชีวิตตามปรกติ นั่งรถโดยสารประจำทางเดินทางไปเที่ยวนู่นนี่ ไปงานแต่งงานของเพื่อน ไปห้างสรรพสินค้า ไปกรุงโซลด้วยว่ะ โดยนั่งรถโดยสารประจำทางไป พูดง่ายๆคือเป็นคุณป้าที่ใช้ชีวิตแบบโคตร active 

ต่อมา ป้าแกเข้า รพ เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชน (ไม่ได้เข้าเพราะไข้ไอเหนื่อยด้วยนะโว้ย ) ตอนวันที่ 7 กุมภา 

แล้วระหว่างแอดมิท ป้าแกมีไข้ ไอ เหนื่อย วันที่ 10 กุมภา หมอก็ขอตรวจ covid-19 เพราะ xray มันแสดงว่าป้าแกมีอาการปอดบวมชัดเจน แต่แกก็ไม่ยอมให้ตรวจ โดยให้เหตุผลกับ จนท ว่า ป้าไม่ได้เดินทางไป ตปท มาตั้งนานแล้ว จะไปติด covid-19 มาจากไหน จนแล้วจนรอดป้าแกก็ไม่ยอมให้หมอตรวจ หมอก็รักษาด้วยยาฆ่าเชื้อไป 

แค่นั้นยังไม่พอ ป้าแกยังตระเวนไปอีกหลาย รพ เพื่อหาหมอให้รักษาแก และหมอที่ รพ อื่นก็เสนอให้แกตรวจหา covid-19 แต่แกก็ปฎิเสธอยู่ดี และป้าแกก็เวียนไปมา รพ อย่างน้อย สี่แห่ง

จนกระทั่งแกไปตรวจที่ รพ แห่งนึง ในวันที่ 17 กุมภา และหนนี้แกยอมตรวจจนได้ 

วันที่ 18 กุมภา ผลแลปบอกว่าแกติดเชื้อ covid-19

แล้วหลังจากรู้ผลการวินิจฉัยของป้าแก ก็มีชาวเกาหลีที่มีอาการต้องสงสัยติดเชื้อ covid-19 ผุดขึ้นมาไม่หยุดหลายยยยยสิบคน และเมื่อ จนท สืบสวนโรคสาวเส้นทางการติดต่อกลับไป จึงรู้ว่า หลายสิบคนนี้ เกี่ยวข้องกับป้าคนที่ 31 ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะ เป็นสาวกลัทธิเดียวกัน เข้าโบสถ์ทำกิจกรรมพร้อมกัน ไปร่วมงานแต่งงานงานเดียวกับที่ป้าแกไป หรือ มารับบริการ หรือเป็นคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งเดียวกับที่ป้าแกแอดมิทตอนเกิดอุบัติเหตุรถชน

และจากแถลงการณ์ของ KCDC (ควบคุมโรคเกาหลีใต้) พบว่า 
คนที่สัมผัสโรคกับป้า31คนนี้ มีถึง 1160 คน!!!!!

ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นคือทางการสั่งให้คนที่มีประวัติสัมผัสป้าแกทุกคน กักตัวเองดูอาการที่บ้าน และให้รีบตรวจหาเชื้อทันที ส่วนห้างสรรพสินค้าต่างๆที่ป้าแกเคยไปเดินช้อป ไม่ว่าจะห้างฮยอนเด หรือห้างดงอาสาขาแทกู ก็ประกาศปิดชั่วคราวแล้ว และโบสถ์ที่ป้าแกไปร่วมกิจกรรมบ่อยๆก็ปิดชั่วคราวเช่นกัน

ตอนนี้ป้าแกได้กลายเป็น super spreader หรือผู้กระจายเชื้อสู่คนจำนวนมาก ไปเป็นที่เรียบร้อย จากที่เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ยี่สิบสามสิบคน น้อยกว่าไทยอีก

ตอนนี้พุ่งไปเป็นร้อยแล้ว และตอนนี้สถานการณ์ถึงขั้นรัฐบาลกลางของเกาหลีใต้ ส่งกองกำลังไปยังแทกู เพื่อให้ความช่วยเหลือ จนท ในแทกูในการกักกันโรคแล้ว

เคสนี้อยากให้ดูเป็นอุทาหรณ์ว่า ไม่จำเป็นต้องมากันเป็นร้อยคนพันคน ถ้าเป็นโรคติดต่อ ขอแค่คนๆเดียวที่ติดเชื้อ และไม่ให้ความร่วมมือกับ จนท ในกระบวนการกักกันโรค เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ก็พาคนรอบข้างไปสู่หายนะได้แล้ว

ขอให้พ่อแม่พี่น้องในบ้านเรา ติดตามข่าวเรื่อง covid-19 ให้สม่ำเสมอ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่า เฮ้ย ชั้นไม่เป็นหรอกน่า ให้คิดว่า ถ้าเรามีอาการที่เข้าข่าย ให้ติดต่อควบคุมโรค ไปหาหมอ และบอกอาการ บอกประวัติไปตามจริงให้หมด ถ้าทำแบบนั้นได้ เราจะช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้บนแผ่นดินไทยได้ครับ

อ้างอิง 

https://www.cdc.go.kr/board/board.es?mid=a30402000000&bid=0030

http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200219000772

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/coronavirus-south-korea-reports-31-new-cases-covid-19-seoul-12452424
https://www.japantimes.co.jp/news/2020/02/19/asia-pacific/south-korea-coronavirus/#.Xk7TSSgzZPY

2563/02/18

Design village บุญถาวร

Design Village ก่อนถึงพุทธมณฑลสาย 3

Design Village ของบุญถาวร เน้นไปที่การเป็น
One Stop Happening ตั้งแต่เรื่องของแต่งบ้านที่มีช็อปของบุญถาวรเองและแบรนด์ JYSK
มาให้เลือกสรร พร้อมโซนร้านอาหารคาเฟ่อีกเพียบ

ด้านในของโซนบุญถาวรใน Design Village มีOpen Space เป็นพื้นที่สำหรับรองรับผู้ใช้งานบุญถาวร
ที่เอื้อต่อการทำงาน การคิดงาน รวมถึงเรื่องของการพักผ่อนที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และมีเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น 

เช่นโซน Co-Working Space ที่ทางบุญถาวรตั้งชื่อเรียบง่ายว่า WORKSPACE ประกอบด้วยพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม Café และ Material Library ที่สามารถมานั่งทำงานคิดงานได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

2563/02/11

อาเตี่ยซีฟู้ดส์ สุราษฯ อร่อยริมน้ำ

ร้านอาหารริมแม่น้ำตาปี จ.สุราษฯ บรรยากาศสวยงามปลาในแม่น้ำยังมีให้เห็นเป็นระยะๆ แต่น่าเสียดายที่มีขยะเล็กๆ น้อยๆ ลอยคล้อยผ่านไปบ้าง 
จิบเบียร์เย็นๆ คลอกับดนตรีสดเล่นเพียงคนเดียวสไตล์เพื่อชีวิตและไทยสตริง  ร้านนี้เมนูเด็ด คือ กุ้งแม่น้ำเผา ห่อหมกทะเล และปลาสำลีทอดกรอบ  แค่นี้ก็วิเศษเกินคำบรรยาย
555


2563/01/18

สี่แยกดินแดง พศ.2518

จากสี่แยกดินแดง ซึ่งสมัยก่อนคนจะเรียกว่าแยกโบสถ์แม่พระ 

ภาพนี้ถูกถ่ายไว้ในปี พ.ศ.2518
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ครั้งตระหง่านหน้าแยก มีชุมชนอาคารพาณิชย์ และ ตลาดพญาไท  โรงรับจำนำ ร้านทอง,
ร้านขายของไทยดี, ร้านขายของโชคเกษม, พรชัยเภสัช  ,ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน เมืองศิลป์ ,ร้านทองอีกร้านหนึ่ง ,ร้านจักรวาลการไฟฟ้า ,ร้านแสงชัยพานิช ,  ร้านจิ๋มเบเกอรี่, บ้านอี๊นิด  (อิเลคโทรลักเช่า) 

กาลเวลาผ่านไปตลาด และตึกแถวถึงร้านจักรวาลการไฟฟ้า ได้กลายสภาพเป็นตอนโดมิเนียม...
ธุรกิจชุมชนหายไปกว่า 200 ธุรกิจ
มีแต่ที่พักอาศัยสูงที่ไร้การหมุนเวียนของเศรษฐกิจชุมชน

วันเด็ก เที่ยงปากช่อง 2 วัน 1 คืน

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ว้าบมาถึงฟาร์มโชคชัย ไม่รอช้าสั่งสเต๊กเนื้อทีโบน พรีเมี่ยม , ทีโบน หมู, สเต๊กหมู  และ เครื่องดื่ม...
รอเพียงไม่นาน พนักงานนำสลัดกับเครื่องเขียงมาเสริฟ พร้อมเครื่องดื่ม หลังจากถ่ายรูปเล่นกันบนโต๊ะอาหาร พออาหารมา พวกเราไม่รอช้ารีบลงมือเร็วไว แต่ปรากฏว่า.. น้องพนักงานเสริฟมาผิด โต๊ะเราได้สเต๊กเนื้อสองที่ ซึ่งตอนลงมือหั่นก็ไม่ได้เอ๊ะใจ หรือไม่ได้สนใจฟังอาหารที่เขามาลง หั่นสเต๊กออกมาเป็นหลายส่วน เพราะจะบริการให้ลูกสาวคนโตที่ตอนแรกไม่อยากร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย แต่ด้วยว่าอยู่บ้านเฉยๆ นางก็ไม่มีอะไรทำเช่นกัน  
ซักพักพนักงานเสริฟเอา ทีโบนหมู มาเสริฟ อ้าววว พวกเราพึ่งรู้ตัวว่าไม่ใช่ของเรานี่หว่า

หัวหน้าพนักงานเสริฟ เขามาเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาแก้ไข และกล่าวขอโทษด้วยความรวดเร็ว ไม่รอช้า และยกสเต๊กเนื้อออกไป พร้อมกับวาง ทีโบนหมู ให้พร้อมกล่าวขอโทษอีกครั้งหนึ่ง

นับเป็นความมืออาชีพ และต้องขอบคุณทางร้านที่ฝึกฝนหัวหน้าพนักงานให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความประทับใจให้กับเราอย่างมาก  เราในฐานะผู้บริโภคก็ต้องมีสติเวลาอาหารมาเสริฟต้องมีความละเอียดรอบคอบที่จะรับอาหารมาด้วยนะครับ

2563/01/17

เทสล่า Shanghai Speed!

[คอลัมน์กรุงเทพธุรกิจ] เทสล่ากับ “Shanghai Speed”


ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมจีน โรงงานรถยนต์เทสล่าในมหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตและส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Model 3 ให้กับลูกค้าชาวจีน โดยอีลอน มัสก์ ได้เดินทางไปส่งมอบรถด้วยตัวเอง

อีลอน มัสก์ บอกว่าประทับใจมากๆ กับ "Shanghai speed" หรือความเร็วในการผลิตของเซี่ยงไฮ้ เพราะประสิทธิภาพและความเร็วนี้นี่แหละที่ช่วยพลิกฟื้นธุรกิจให้เทสล่า

เพียงหกเดือนที่แล้ว ถ้าใครยังจำได้ บริษัทเทสล่าที่สหรัฐอเมริกาประสบปัญหาอย่างมากในด้านการผลิตรถยนต์ เพราะโรงงานที่สหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตรองรับดีมานด์ตลาดและไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ที่รับออร์เดอร์ไปแล้วได้ จนตอนนั้นมีข่าวทำนองว่าเทสล่าประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ไม่รู้ว่าจะล้มหรือไม่

กลยุทธ์ของอีลอน มัสก์ นอกจากจะมุ่งแก้ปัญหาการผลิตของโรงงานเทสล่าในสหรัฐฯ แล้ว เขายังเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการเดินหน้าบุกตลาดและสร้างอภิมหาโรงงานที่จีน ซึ่งนับเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศสหรัฐอเมริกาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ดังเจ้านี้

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ตั้งแต่ประกาศลงทุนสร้างโรงงานในจีนจนเปิดโรงงานเดินสายพานการผลิตได้สำเร็จ ใช้เวลาเพียง 10 เดือนเท่านั้น นี่แหละครับที่เรียกว่าเป็น "Shanghai speed" (เปรียบเทียบกับโรงงานของเทสล่าในสหรัฐฯ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างถึง 2 ปี)

10 เดือนที่แล้ว ที่ตั้งของโรงงานยังเป็นทุ่งนาชานเมืองอยู่เลยครับ โดยเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากตัวมหานครเซี่ยงไฮ้ประมาณ 90 นาที ในปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตรถยนต์ได้ชั่วโมงละ 28 คัน เท่ากับผลิตได้คันใหม่ทุกๆ 2 นาที และตั้งเป้าว่าในปี ค.ศ. 2020 ทั้งปีจะต้องผลิตให้ได้ 150,000 คัน และเมื่ออภิมหาโรงงานสร้างเสร็จสมบูรณ์ ในหนึ่งปีจะต้องยกระดับการผลิตให้ได้ถึง 500,000 คัน (ลองเปรียบเทียบกับโรงงานใหญ่สองแห่งในสหรัฐฯ ในปี 2019 ผลิตได้รวมกัน 360,000 คัน)

“Shanghai speed” นี่มาจากอะไรครับ บางคนบอกว่ามาจากการทำงานหนักของแรงงานจีน บางคนบอกว่ามาจากเทคนิคการผลิตของเทสล่า แต่ที่สำคัญกว่านั้น ประสิทธิภาพในการผลิตของโรงงานเทสล่าในจีนยังสะท้อนความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมจีนใน 3 เรื่องด้วยกัน

หนึ่ง ความพร้อมเรื่องห่วงโซ่การผลิตภายในจีน ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ลำตัวเครื่อง วงจรควบคุม บริษัทใหญ่ 10 อันดับแรกในอุตสาหกรรมเหล่านี้ เป็นบริษัทของจีนมากกว่าครึ่งครับ แถมบริษัทเหล่านี้ส่วนมากยังมีโรงงานการผลิตชิ้นส่วนอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงที่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงสามารถจัดหาชิ้นส่วนในการผลิตได้ครบถ้วนอย่างรวดเร็ว

สอง แรงงานทักษะในจีนจำนวนมหาศาล เพียงแค่บริษัทเทสล่าประกาศรับสมัครแรงงานและวิศวกร ก็สามารถหาแรงงานจำนวนมากที่มีคุณภาพได้ไม่ยากด้วยค่าแรงที่ถูกกว่าค่าแรงในสหรัฐฯ 

สาม การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของรัฐบาลจีนและรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ว่ากันว่ามีการลดทอนขั้นตอนการขออนุญาตและการก่อสร้าง โดยรัฐบาลลงมาอำนวยความสะดวกเต็มที่ นิตยสารฟอร์จูนรายงานว่ารัฐบาลจีนยังยกเว้นภาษีการขาย 10% และยังช่วยอุดหนุนเงิน 24,750 หยวนต่อคัน เพื่อช่วยกดให้ราคาการขายถูกลง

งงไหมครับว่าจะเอาใจเทสล่าขนาดนี้ไปเพื่ออะไร และรัฐบาลจีนได้ต่อรองอะไรบ้าง เท่าที่ประมวลข้อมูลดู สิ่งที่เทสล่ารับปากมีดังนี้ครับ

สำหรับช่วงแรกนี้ รถยนต์เทสล่าที่ผลิตในจีนยังคงใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีนเพียง 30% เท่านั้น แต่เทสล่ารับปากว่าภายในกลางปีนี้ จะใช้ชิ้นส่วนจากจีนเพิ่มเป็น 70% และภายในสิ้นปีจะใช้ชิ้นส่วนจากจีน 100%

เทสล่ายังรับปากว่า จะมีการสร้างศูนย์ R&D ขนาดใหญ่ในประเทศจีนที่จะสามารถออกแบบรถยนต์ในประเทศจีนได้เลย ไม่ต้องใช้แม่แบบการออกแบบจากศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ นอกจากนั้น ทีมผู้บริหารและผู้จัดการโรงงานยังเป็นคนจีนอีกด้วย

รัฐบาลเซี่ยงไฮ้แถลงว่าเงินลงทุนของเทสล่าถือเป็นจำนวนเม็ดเงินลงทุนในด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่มีปริมาณสูงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นที่รัฐบาลจีนมองก็คือ ไม่เพียงแต่โรงงานของเทสล่าจะใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในปัจจุบันของจีน แต่จะยังจะช่วยขับเคลื่อนและยกระดับห่วงโซ่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีนอีกด้วย

มีนักวิเคราะห์อธิบายว่า รถยนต์เทสล่า เปรียบเสมือน iPhone ในยุคก่อน ตอนที่ iPhone มาใช้ฐานการผลิตที่จีน ส่งผลให้เกิดห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนสมาร์ตโฟนในประเทศจีนตามมา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ แบตเตอรี่ ชิปประมวลผล จนต่อมายังทำให้เกิดบริษัทสมาร์ตโฟนสัญชาติจีนไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย เสี่ยวมี่ vivo oppo ซึ่งใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนสมาร์ตโฟนในจีนที่ครบถ้วน

เช่นเดียวกัน การเข้ามาของเทสล่า และการรับปากว่าจะใช้ชิ้นส่วนจากจีน 100% ย่อมจะขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในจีน สุดท้ายย่อมจะขับเคลื่อนให้บริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีนเองพัฒนาขึ้นและใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

การผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 ของเทสล่าในเซี่ยงไฮ้ มีต้นทุนถูกลง 65% เมื่อเปรียบเทียบกับที่ผลิตในสหรัฐฯ ปัจจุบันราคารถที่ผลิตในจีนขายอยู่ที่ 300,000 หยวน ซึ่งใกล้เคียงกับราคารถเบนซ์ Audi BMW ในจีน ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีนคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งโลก

ตอนนี้ คำว่า “Shanghai speed” จึงไม่ใช่เพียงแค่ความเร็วในการสร้างโรงงานและประสิทธิภาพในการผลิต แต่ยังหมายถึง ความเร็วที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันในประเทศจีน ซึ่งจะตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลจีนด้วย

สหภาพยุโรปตั้งเป้าว่า จะเปลี่ยนรถยนต์ทั้งหมดในยุโรปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี ค.ศ. 2040 เชื่อผมไหมครับว่า “Shanghai speed” จะเร็วกว่านั้นเยอะ โลกอนาคตในจีนมักมาถึงเร็วกว่าที่คาด และหลายคนทำนายอวสานของรถยนต์น้ำมันในจีนว่าจะเกิดขึ้นภายใน 10 ปี!

...
Speed is Spirit.

2563/01/07

สวิสสอนเด็กอย่างไร เรื่องเงิน

สวิตเซอร์แลนด์ 
"ไม่สอนให้ออมเงิน"
แต่สวิตเซอร์แลนด์ กลับ เป็นประเทศที่ "รวย"  ติดอันดับต้นๆของโลก
.
- เพราะ คุณภาพทางการเงิน หรือสิ่งที่จะทำให้รวยได้นั้น
ต้องเข้าใจให้ชัดในทาง"มูลค่า" และ "คุณภาพ" ต่างหาก 

- ไม่น่าเชื่อว่าแค่การวางรากฐานด้านการเงินที่ถูกต้องเพียงเรื่องเดียว จะทำให้เด็กสวิตเซอร์แลนด์มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ครบทุกด้าน ทั้งการเงิน การงาน การมีครอบครัว ตลอดจนช่วยลดปัญหาเรื่องการท้องในวัยเรียน...ทั้งหมดนี้ เขาทำได้ยังไงกัน?

- อย่างคนไทยจะสอนลูกว่าให้ต้องประหยัดและออมเงิน แต่สำหรับชาวสวิส “ไม่ได้สอนลูกให้ประหยัด” แต่จะสอน Mindset ที่ดีกว่านั้นหลายเท่าตัว

- มาดูกันว่า 5 เรื่องเด็ดที่เกี่ยวกับการปูพื้นฐานทางด้านการเงินของเด็กสวิส จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง 
.
1.ไม่ได้สอนให้ลูกซื้อของที่ถูกที่สุด แต่สอนให้ลูกซื้อของตามความคุ้มค่าที่สุด 
ถ้าต้องการซื้อของแพงก็ไม่ว่า เช่นถ้าอยากซื้อมือถือ iPhone ก็ไม่ว่า แต่โรงเรียนก็จะสอนแม้กระทั่งวิธีการคิดว่าซื้อของยังไงให้คุ้มค่า  ซึ่งก็จะสอนให้เด็กเทียบราคามือถือกับระยะเวลาในการใช้งาน
ยกตัวอย่างตัวเลขสมมุติ เช่น iPhone 1 เครื่องราคา 27,000 ถ้าใช้ได้ 4 ปี ก็จะตกปีละ 6,750 บาท เทียบกับมือถือเครื่องอื่นที่ราคา 20,000 ซึ่งดูเผินๆอาจถูกกว่า แต่ถ้าใช้ได้แค่ 1-2 ปี ก็แปลว่าไม่คุ้มค่าเท่าเครื่องที่ราคาแพง

2.ถ้าอยากประหยัดเงิน ให้ประหยัดเวลาดีกว่า  คนสวิตเซอร์แลนด์จะให้ความสำคัญกับ “เวลา” มากกว่าเงินทอง เพราะเค้าเชื่อว่าเงินจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เวลาเป็นทรัพยากรเดียวที่เราไม่สามารถซื้อเพิ่มได้ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ตาม
 .
3 สอนลูกให้ออมเงินเหมือนชาติอื่น แต่เป้าหมายต่างกัน 
สิ่งที่คนสวิสจะสอนลูกเวลาเก็บเงินคือ จะไม่บังคับ ถ้าจะให้ลูกหยอดกระปุกจะไม่ใช้การบังคับ เช่นไม่กำหนดว่าต้องหยอดกระปุกทุกวัน หรือไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ดูกดดันอะไร 
“แต่ใช้การจูงใจแทน”  เพราะเค้าเชื่อว่าถ้าหากบังคับ จะทำให้เกิดการต่อต้านและใช้เงินมากกว่าเดิม 
.
4 สอนให้คำนวนการใช้เงินเมื่อมีความรัก
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ก็สอนกันตั้งแต่ 7-8 ขวบเช่นกันว่า ถ้าเริ่มใช้ชีวิตกับใครสักคนหนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตคู่จะมีอะไรบ้าง อย่างเช่นค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าผ่อนรถ ค่าประกัน ค่าน้ำที่เราดื่ม ฯลฯ 
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้มีค่าอย่างมหาศาล เพราะกลายเป็นลูกเข้าใจพ่อแม่ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแค่ไหน ทำให้คิดเรื่องการใช้เงินมากขึ้น
และที่สำคัญยังช่วยลดปัญหาการท้องในวัยเรียนเพราะเด็กรู้ตัวดีว่าไม่มีเงินจะดูแลใครไม่ได้ และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตแบบครอบครัวนั้นมันสูงจริงๆ
.
5 สอนเรื่องการเงินกับการวางแผนอาชีพ
อย่างเช่น สอนว่ารัฐบาลหักเงินเราไปเท่าไหร่ ตอนเกษียณอายุเราจะได้เงินคืนเท่าไหร่ ทำให้รู้จักมองอาชีพว่าแต่ละอาชีพได้เงินเดือนมาเท่าไหร่ ทำให้เด็กสวิสรู้จักการวางแผนเรื่องอาชีพของตนเองต่อไป
ในตอนนี้ประเทศ "สวิตเซอร์แลนด์" เป็นประเทศที่รวยติดอันดับต้นๆของโลก โดยประมาณการณ์ว่ามีจำนวนมหาเศรษฐีชื่อดังอยู่ถึง 91 คน และความมั่งคั่งรวม $240 พันล้าน เพราะ Mindset ที่ถูกปลูกฝังกันมาแบบนี้นี่เองตั้งแต่รุ่นลูก จนส่งต่อถึงรุ่นผู็ใหญ่ในที่สุด 

CR: บทความนี้เป็นการถอดมาจากวีดีโอของเพจใดซักแห่ง