แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บทความ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บทความ แสดงบทความทั้งหมด

2563/05/11

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

โดย Pathaipoom Songkroh 

--------———-

มุมมองนักลงทุนรายใหญ่

เสี่ยยักษ์

- ราคาหุ้นนำความคิด หลายๆคนรอซื้อหุ้น ราคาหุ้นลงจาก 20 บาท ไป 10 บาท ตอนนี้ขึ้นมาที่ 15 บาท จะตัดสินใจยากแล้ว

- Day Trade ช่วงนี้ยาก 50/50 ลงทุน ณ เวลานี้ตัดสินใจยาก

- Covid-19 โอกาสเกิด wave 2 ยาก เพราะทุกคนเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่เหมือน 3 เดือนก่อน อยู่ที่เม็ดเงินแล้ว ว่าจะดันหุ้นขึ้นต่อไหม

- จากเดิม ลงมาหมดทุกตัว ตอนนี้บางตัวขึ้นมา 30 50 70 100 % แต่จากจุดนี้ จะอยู่ที่พื้นฐานแล้ว บางตัวโดนตีหัวลงมา บางตัวได้สัมปทานที่กัมพูชา ก็ขึ้นได้ จากนี้ไปจะเลือกตัวเล่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด โควิดให้ระวังไว้ได้ แต่อย่าไปกลัว ตอนนี้มองขึ้นยาก ต้องหาตัว Big Shot ให้เจอ ลงทุนในระยะยาวพอสมควร

- ตลาดตัว P/E 5 เท่าก็มี แต่ไม่เล่น ไปเล่นตัว 80 เท่ากัน สมัยก่อนซื้อหุ้น P/E 5 เท่าอย่าง PTT ตอน 70 บาท เลยรวยหุ้นได้ หุ้นจะขึ้นหรือลงตอนนี้มันอยู่ที่แฟชั่น มีอนาคต TESLA AMAZON หุ้นยังขึ้นไปได้
 
- หุ้น Property P/E 3 เท่า 5 เท่า ก็ไม่มีใครเล่น ผู้บริหารที่ดี มีธรรมาภิบาล เค้าเชื่อมั่นมากกว่า ธนาคารปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช่เอาตัวเลขมาคูณแล้วจะซื้อ ณ จุดนั้น มันไม่ใช่แล้ว

- AOT ตอนนี้ทำไมไม่มีคนขาย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดจะขาย มีแต่จ้องจะซื้อ คนที่ Short มา โดนไฟช๊อตตลอด สิ่งที่คิดมันแพ้

- การลงทุน ณ เวลานี้เยอะๆ ยังไม่แนะนำ โอกาสตรงนี้ชนะได้น้อย แพ้แพ้เยอะ ไม่ต้องรีบร้อน

- หาหุ้นแชมเปี้ยน ณ ตอนนี้ที่มี upside เยอะๆ มันยากแล้ว ถ้าเจอแล้วก็ต้องกล้าถือ แบบมีน้ำหนักการลงทุน ถึงจะได้ Big Shot, แล้วจะซื้อตอนไหน ซื้อตอนนี้ก็มีโอกาสได้ล้างชาม ไม่ได้กินกะเค้า

- เฝ้าหุ้นที่เราลิสท์ไว้ทุกวัน ถ้าไม่มี new low พื้นฐาน 3 ปี 5 ปีข้างหน้ามันยังดี Volume เข้า กราฟ Month บีบ กราฟ Day Week มา นั่นละ Big Shot

- New Normal ในหุ้นมันไม่มี เล่นซี้ซั้วไม่ได้ 

----------------------------------------------------------------

เสี่ยป๋อง

- ไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะเด้งเร็วขนาดนี้ ทำใจที่จะ follow ตามยาก มองว่าตอนนี้เด้งมาแล้ว รอให้ pull back ลงมา ตอนนี้ขึ้นมาจุดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะพอร์ตว่าง

- New Normal ราคาหุ้นนำความคิดไปแล้ว ทั้ง Covid ห้าง สนามบิน ที่ยังแย่อยู่ แต่ราคาหุ้นนำไปแล้ว

- ดูกราฟย้อนหลัง ยังไม่เคยเจอเด้งแรงแบบนี้ ทุกครั้งก็จะมีการปรับตัว Pull back ลงมา จะไป 1600 จุดเลยไหม ก็ไม่รู้ ตอนนี้อยู่ wave 1 รอ Pull back wave 2 แล้วซื้อตอนเป็น wave 3 ถ้าหุ้นไม่ลงมา ก็ไม่รู้จะทำยังไง คิดไม่ออก

- การ Pull back ส่วนใหญ่จะมีระยะครึ่งทาง

- ทุกประเทศ Inject เงินกันหมด, QE unlimited, Junk Bond ก็มีคนช่วย

- รอบเด้งที่ผ่านมา คิดว่าเด้งเพื่อลงต่อ โดยมีการเล่นปริมาณน้อย แค่10% ขึ้นมานิดหน่อยก็ขาย

- มีเปิด short ไปวันพฤหัส วันศุกร์ขึ้นมาก็ต้องปิด Posotion ไป

- คนพูดถึง Negative Interest Rate ฝากเงินที่ Bank ต้องเสียเงิน เม็ดเงินก็เลยต้องมาเข้าตลาดหุ้น

- พวก AI, Robot มีสัญญาณซื้อมา ก็ต้องซื้อ พื้นฐานไม่สนใจ

- ทุกคนอยู่บ้าน ว่างกันหมด มีเงินสดอยากซื้อหุ้นกัน มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา

- ตลาดหุ้น EPS นักวิเคราะห์คาดปีนี้อยู่ที่ 72 ถ้า SET 1266 P/E อยู่ 17.58 เท่า แต่บางคนมองปีหน้า EPS จะกลับมาที่ 85 เอา 1266 หารด้วย 85 จะได้ P/E 14.89 เท่า ในภาวะปกติ P/E จะ 16 เท่า คนเลยมองปีหน้าว่าจะฟื้นกันแล้ว ถ้าเอา 85 คูณ 16 เท่า ก็จะได้ SET 1360 จุด หรือจะให้ 17 เท่า 20 เท่าก็แล้วแต่

- ก็ได้แต่รอ ว่าจะลงมาเมื่อไหร่ ทุกวันนี้เล่นแค่ 10-20% ของพอร์ต ถ้าไม่ลงมา ก็ไม่กล้าอัดพอร์ตใหญ่

- มีความเป็นไปได้สูงว่า Bottom ไปแล้ว เพราะยืนเหนือ 1214 จุดได้ แต่ถ้าลงมาครึ่งทาง ระหว่าง 969 กับ 1300 ก็คือ 1135 จุด เราไม่รู้ขา wave 2 จะลงมาไหม หรือลงมาเท่าไหร่ หรือจะวิ่งไป 2000 จุดเลยก็ได้

- กำลังหาหุ้นยาวๆแบบ ดร.นิเวศน์บ้าง

- เทคนิคอลที่สวยช่วงนี้คือ Day Week แต่ Month ยังไม่สวย แค่เด้งแรง ลุยตอนนี้ก็ยาก เพราะขึ้นมาหมดแล้ว ถ้าอยู่ๆ มันลงไปครึ่งทาง เราอาจจะไปคัทลอสตอนนั้น

- คนมันดูกราฟ เวลาหุ้นจะตก มันทนได้ไหม ตอนมกราคม เคยบอกว่าถ้าหลุด 1524 จุด มันก็ต้องขาย

- ทุกครั้งที่มางานสัมมนาทันหุ้น หุ้นจะตกหนักทุกครั้ง

- หลักการเลือกหุ้นช่วงนี้ เลือก Most Active ตัวที่มี movement แล้วก็เล่นตามเค้า ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายวันรุ่งขึ้น

- หุ้นในดวงใจ มีรายได้มั่นคง ผูกขาด แต่ตอนนี้ขอต่อราคานิดนึง

----------------------------------------------------------------

เจาะลึกหุ้น BEM จากผู้บริหาร

- พื้นฐานเกิดจากเอา 2 บริษัทมารวมกันได้ 3 ปีกว่าแล้ว คือทางด่วนกับรถไฟฟ้า (BECL + BMCL)

- Covid-19 ทางด่วนไม่ได้รับการผลกระทบ แต่กระทบจากการเคอร์ฟิว จาก 1 ล้าน หายไป 50% เหลือ 5 แสน แต่จากการปลดล็อก ก็กลับมาที่ 7 แสนแล้ว แต่ระบบรางจะกระทบกับรายได้อยู่แล้ว สิ่งที่กระทบตอนนี้คือการทำ Social Distancing ของระบบรางทั้งโลก ตอนนี้ Passenger รถไฟฟ้ากลับมา อยู่ที่ 25% จากวันที่แย่ๆ เหลือ 10%

- ถ้าเราได้สายรถไฟฟ้าที่ทำออกมาแล้ว success ก็จะดีกว่าได้มาหลายๆสายที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สายสีส้มเป็นสายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นสายที่ตัดกับสายสีน้ำเงิน ลักษณะตะวันตกไปตะวันออกเกือบ 40 กิโล ศูนย์ซ่อมก็ติดอยู่กับสายสีน้ำเงิน CK บริษัทลูกก็พร้อมที่จะจัดการเรื่องอุโมงค์ รวมถึงสายสีม่วงส่วนต่อขยายก็เป็นสายทีอยากได้
____________________

นักวิเคราะห์ 3 ท่าน

คุณบอม สรพล บล.กสิกรไทย

- ตลาดหุ้น drive ด้วย sentiment ของอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เหนือปัจจัยพื้นฐานในประเทศ ตอนนี้จะเริ่มออกจาก sentiment กลับไปสู่ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ

- หุ้นอเมริการอบนี้ผลักด้วยด้วยกลุ่มเทคฯขึ้นมา อย่าง AMZN MSFT AAPL NFLX PYPL รายได้เติบโต 15-25% หุ้นดันตลาดลง จะเป็นพวก New Economy กับ Old Economy JPM WFC BA XOM BRK/B

- บ้านเราผลักดันชึ้นมาจาก GULF MAKRO BAM STARK STA ตัวกดตลาด PTT AOT SCB PTTEP KBANK ซึ่งจะคล้ายกับต่างประเทศเลย

- New Normal : Growth Stock แซง Value Stock ไปแล้ว ในรอบ 50 ปี

- เศรษฐกิจไทย มองเป็น U Shape ตัด V กับ L ออกไป ตอนนี้ทุก sector ตอนนี้โดนหมด ยกเว้น Bank ที่ยังไม่ล้มเหมือนตอนปี 2008หุ้นกู้พอมีสัญญาณเริ่มล้ม Bank ชาติ FED ECB BOJ ก็ออกมาช่วย

- 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ได้แกว่งตัวตามปัจจัยในประเทศ แต่ correlate กับอเมริกาถึง 80% แต่จากนี้ก็จะตามปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวก ได้แก่ Vaccine, Phase 2 deal, OPEC (20m cut) วันที่ 10 พ.ค., FED (ETF), Corporate Tax Cut ปัจจัยลบ ได้แก่ 2nd wave (30%), Impact to Bank (15%), High Valuation (50%), Cancel Phase1 deal (15%) เชื่อว่าทรัมพ์แค่ออกมาขู่

- Covid-19 แตกต่างจาก GFC-08 เนื่องจากธนาคารกลางมีบทเรียนและปรับตัวเร็ว

- จุดซื้อ ควรอยู่จุดไหน ดู Earning Yield Gap ได้ที่ 1220 จุด (-0.25 to +0.25 EPS12F @75 SET 1220 - 1360) แนวต้านเดือน พ.ค. 1320 จุด

- วิกฤติตอนนี้คือ หลายวิกฤติรวมกัน Sector ที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาได้ดี มีพลังงาน+โรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, ขนส่ง (AOT+BEM)

- Stress Test จาก Covid-19 ท่องเที่ยวกระทบ 90% สายการบินกระทบ 100% รถไฟฟ้า ค้าปลีกกระทบ 30-40% Utility โรงไฟฟ้า 10% ICT 15% ค่าเฉลี่ยทุก Sector จะอยู่ที่ 50% รัน Stress Test ออกมาแล้ว Sector ที่น่าเป็นห่วงคือ สายการบิน โรงแรม และ Property

- Sector ที่จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ โรงพยาบาล ICT Commerce และ โรงไฟฟ้า ส่วน Sector ที่ต้องระมัดระวังคือ ท่องเที่ยว และ Property โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมจะไม่ perform กลับไปแบบเดิมได้จาก New Normal

- คัดเลือกหุ้น SET 1320 จุด ตึงๆ เลยวัดด้วยอัตราปันผล ราคาหุ้นที่ยังขึ้นมาน้อย และ Yield ดี ได้แก่ JASIF

- Stock Picks : Theme Well Diversified ได้แก่

1. EGCO (@363.0) : Low risk & Well diversified ไม่ได้ขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง (ไทย 57%  ฟิลิปปินส์ 12% ลาว 10% เกาหลี 16%) ประเภทของโรงไฟฟ้า (Gas 56% Hydro 10% Co-Power 25% แล้วก็ลมกับแดด) : Strong balance sheet with low net D/E at 0.6X ถือว่าต่ำ ตอนนี้มีอยู่ 5000 กว่า MW สามารถเพิ่มเป็น 10000 MW จากการกู้ได้เลย, Trading at low PER20 at 14x (Avg กลุ่ม36x)

2. PTTGC (@49.0) : Cheap Valuation among peers (0.6PBV), expect earning to recover in 2H20 (Olefins) (Olefins มี 50% ที่เหลือคือโรงกลั่นกับ Aromatics) จีนเริ่มฟื้นชัดเจนแล้ว ก็เลยประเมินว่า PolyEthylene (PE HDPE) Spread Q2 จะเริ่มฟื้น ตอนนี้ trade ต่ำกว่า -2SD ด้วยซ้ำ

3. CPALL (+TESCO + Cambodia) : Winner, less impacted among peers, SSSG ใน Q2 จะยังยืนอยู่ที่ -10% ได้ ในขณะที่ตัวอื่น -30% Valuation ยังอยู่ 78 บาท +/- ซึ่งยังไม่รวม TESCO กับ Cambodia ที่คาดว่าจะเปิด 2000-3000 สาขา (จากการเทียบสัดส่วนประชากรในไทยกับสาขาที่เปิด)​ TESCO ให้รายได้ 5200 ล้านปอนด์ ได้ Upside อีก 10 บาท +/- สำหรับ TESCO

4. BEM (@10.60 + Upside Project) : Expect ridership to bounce back to 50-60% in 2Q20 (better than forecasted), potential to win orange-line ยังไม่มีใครรวม upside สายสีส้มเลย, Social Distancing เลี่ยงการขึ้นรถไฟฟ้าไปขับรถขึ้นทางด่วนเอง, Valuation ถ้าใส่สายสีส้ม capacity 250,000 (Conservative) upside จะอยู่ที่ 1 บาท ถ้าขึ้นไปที่ 450,000 ก็จะได้มากกว่า 3 บาท แต่ของ BTS อาจต้องมี GULF STEC มา Conglomerate (กลุ่มบริษัทในเครือ) จะทำให้ได้ upside ไม่ถึง 3 บาท

----------------

คุณต้น เผดิมภพ บล.หยวนต้า

- ณ วันนี้ คนคาดหมายตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่จะออกมาไม่ดี ซึ่งจะออกมาแย่น้อยกว่าคาด สินทรัพย์เสี่ยงจะขึ้นได้ดี

- จีนเริ่มเห็นสัญญาณภาคการผลิตที่ยังเหนือกว่า 50 ส่งออกเริ่มมาเป็นบวก

- ธนาคารกลางต่างๆก็ออก QE ไม่อั้น ทำให้ช่วย sentiment

- Covid-19 Wave 2 คนกังวลว่าจะเกิดในอีก 2 เดือนข้างหน้า เหมือน ปี 1918

- สงครามการค้า ไม่น่ากลัวเหมือน 2 ปีที่แล้ว เพราะสิ้นปีนี้จะมีเลือกตั้งอเมริกา เพื่อให้ผลเลือกตั้งไปออกที่ทรัมพ์เหมือนเดิม ให้ balance ดีๆ

- P/E forward ตอนนี้สุงมากเกินไป เพราะ EPS โดนปรับลงมา

- หุ้นตอนนี้จะ sideway จนถึงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 1200 ต้นๆ – 1300 ต้นๆ ถ้าผลสำรวจเป็น U Shape หุ้นก็จะกลับมาขึ้นไปจนถึงปีหน้าจากการฟื้นตัว แต่ถ้ามี 2nd wave Covid-19 ก็จะคาดการณ์ยากแล้ว

- ตอนนี้เงินท่วมโลก สินทรัพย์ปลอดภัยมี upside ไม่เยอะ ตลาดหุ้นก็จะไม่ลงแรง อาจจะมีย่อบ้าง
- มองความเสี่ยงจากเรื่องของ Hedge Fund ว่าเม็ดเงินจะวิ่งไปทางไหน

- ถ้าโลกฟื้น อะไรจะมาก่อน สายพลังงานก็จะมาก่อนจาก Commodity ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ JPM UBS GS มองว่าน้ำมัน Bottom ไปแล้ว demand เริ่มมา supply จากที่เยอะๆ เริ่มลดลงแล้ว ส่งสัญญาณไปที่ Futures ที่กลับมามี position Long เลยมองว่า น้ำมัน ปิโตร โรงกลั่นจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้ แนะนำ TOP PTTGC PTT ส่วนจะเพิ่ม ESSO SPRC IRPC IVL PTTEP ก็เป็นตัวรอง

- การนำเข้าและการใช้จ่ายภาครัฐเป็น 2 ปัจจัยที่ปรับขึ้น มีการนำเข้าวัตถุดิบมากขึ้นในกลุ่มพลังงาน แต่การส่งออกยังไม่ดี ภาคการผลิตที่ดีคือ IC และ Semi-Conductor เลยทำให้กลุ่ม Electronic น่าสนใจ DELTA จะเป็นตัวหลัก และ HANA KCE เป็นตัวรอง

- สรุปหุ้นที่เลือก 4 ตัว คือ TOP PTTGC PTT DELTA
 
- และตัวที่ 5 คือ STA เป็น Commodity เหมือนกัน STA เองผลประกอบการก็ยังดี บริษัทลูก STGTผลิตถุงมือยางขายดี กำลังจะ ipo เข้าตลาดฯ

- ไม่ได้ดู Index เท่าไหร่ มองที่ตัวหุ้น แต่ถ้ามา 1300 ต้นๆ ก็ rebound กันหมดจนถึงเดือนกรกฎาคม แล้วมาดูเศรษฐกิจไตรมาส 2 ว่าจะเป็นตัว L หรือ U

2559/12/01

DRIVE ANGRY หนัง..มันส์ที่นานมาแล้ว

ซิ่งโคตรเทพล้างบัญชีชั่ว

Drive Angry

เห็นชื่อหนังภาษาไทย แล้วแลดูน่ากลัว มากๆ.. แหม เล่นแปลซะ..
เห็นตัวอย่างหนังแล้ว.. รู้สึกว่านิโคลาส เคจ ดูแก่ไปเยอะเลย แต่แอคชั่นยังได้อยู่นะครับ..
น่าไปดูแบบ 3 มิติ

แต่ถ้าใครไปดูมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่า นิโคลาสเคจ จะไถ่บาปในเรื่องได้หรือไม่???

2555/04/26

คุณเคยรู้สึกแบบนี้กับใครสักคนบ้างไหม


คุณเคยรู้สึกแบบนี้กับใครสักคนบ้างไหม...............

มีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอ
มีความสุขทุกครั้งที่ได้คุย
มีความสุขทุกครั้งที่เห็นเขามีความสุข
รับได้ทุกอย่างในสิ่งที่เขาเป็น
รับได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดอย่างไร
รับได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง ตัวเองต้องเสียใจ

ฝืน ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นของคนอื่น
ฝืน ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ใช่เรา
ฝืน ทั้งๆที่รู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่เคยแสดงออก
ยอมเพื่อรับรู้แต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน
ยอม เพราะว่า เรารักกัน
ยอมทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

เคยไหม..งอแงโดยไม่มีเหตุผล
เคยไหม..อดทนรอ ในวันที่ห่างไกลกัน
เคยไหม..เปลี่ยนแปลง ปรับตัวเองเพื่อเขาคนนั้น

พร้อม..ที่จะดูแลและให้..โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
พร้อมจะอยู่เคียงข้างทุกครั้งไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์สักแค่ไหนก็ตาม
พร้อมที่จะ..เดินและจับมือ..ก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง
ฯลฯ
ยังคงมีเหตุผลอีกมากมาย ที่มีอยู่ใน หัวใจของใครหลายๆคน บน คำว่า ความรัก
ที่มอบให้ ใครสักคน บนโลกใบนี้  ด้วยใจที่ดีและมีความสุข  แค่นี้ก็พอ คุณว่าจริงไหม?

ด้วยใจที่ดี และมีความสุข

2555/04/12

วินาทีเดียวเท่านั้น....

“คุณพ่อผม..เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะเพิ่งตรวจเจอ
ผมจะทำยังไง..หากต้องเสียท่านไป..ผมยังตอบแทนท่านได้ไม่เท่ากับสิ่งที่ท่านให้ผมเลย”
รุ่นน้องคนหนึ่ง...ได้ระบายความรู้สึกออกมากับฉัน.....เมื่อเดือนก่อน

ทุกวันนี้เวลาหมุนไปเร็วมาก...คุณว่าไหม? ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดหรือภารกิจใดในแต่ละวัน
คุณรู้สึกเหมือนกับฉันบ้างไหมว่า เวลามักจะไม่เคยพอ ถ้าเรายังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่สำเร็จ เวลา 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวันช่างดูน้อยเกินไปเสียเหลือเกิน ในการทำกิจวัตรต่างๆ แค่ตื่นนอนขึ้นมา คุณก็ต้องอาบน้ำแต่งตัว เพื่อไปเรียน หรือทำงาน บางคนก็มีโลกส่วนตัวอยู่กับตัวเองอยู่กับสังคมออนไลน์ จนบางครั้งแทบจะไม่มีเวลาให้กับคนรอบข้างเลย ไม่เคยรับรู้หรือแค่พอได้รู้บ้าง...ว่าใครทำอะไร ที่ไหน แต่ไม่รู้ถึงรายละเอียด ความรู้สึก หรือรู้แต่ไม่ใส่ใจ เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันบ้างไหม ได้ดูแล ใส่ใจ ให้ความรู้สึกดีๆ ให้กับคนที่เรารักเพียงพอแล้วหรือยัง? เพราะทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง

หนึ่งวินาทีข้างหน้าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น....เราไม่สามารถรู้ได้เลย หากวันหนึ่งคนที่คุณรัก..เหลือเวลาอยู่กับคุณแค่วินาทีเดียว
หากคุณมีเวลาเหลือแค่วินาทีเดียว....คุณจะทำอะไรได้บ้าง?

ด้วยใจที่ดีและมีความสุข

2555/01/26

ATM เออรัก เออเร่อร์ ร่วมสนับสนุนหนังไทย


หนังสำหรับคนรุ่นใหม่ GEN Y และ GEN Z ที่ไม่ควรพลาด.. หรือคนรุ่นอื่นๆ ดูแล้ว ก็จะได้รู้ว่าคนรุ่นนี้ส่วนใหญ่คิดกันอย่างไร และใช้ชีิวิตกันอย่างไร

ตรงๆ และ กวนตามประสา ที่ให้อารมณ์ฮา.. ชอบมุก ที่ปากระดาษทิชชู่ ของนางเอก แล้วพระเอก บอกว่าอย่าปานะมันเจ็บ แล้วตัวเองก็หลบไป หลบมา.. แต่หัวไปโขกกับกระจกห้องตัวเอง ดังโป้ก... ฮ่า...ฮ่า...

และมีแง่คิด ที่ไม่ได้หวังเพียงแต่ชนะเท่านั้น แต่คุณต้องมีน้ำใจและช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนด้วยกำลังที่ตนเองมี




มองได้แต่อย่าชอบ เพลงประกอบหนัง ที่มีความหมายอย่างยิ่ง

2554/09/05

5 กันยา รำลึก โป๊ยเซียน


เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โป๊ยเซียน
คำว่า "โป๊ยเซียน" ในภาษาจีนกลางมีความหมายถึง "เซียนแปดองค์" ตามความเชื่อในลัทธิเต๋าของจีนเป็นเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือมาช้านาน นับเป็นหนึ่งในบรรดาเซียน นับร้อยๆองค์ของจีน แต่เทพทั้งแปดนี้นับว่าเป็นที่รู้จักดีและได้นับการนับถืออย่างกว้างขวางมาก โดยตามศาลเจ้าของหมู่บ้านชาวจีนมักจะมีแท่นบูชาที่ปูด้วยผ้า มีภาพวาดเซียนทั้งแปดรวมเป็นกลุ่มบ้างก็เป็นภาพเซียนนั่งเรือไปยังงานเลี้ยงของพระนางซีอ๋อง (งานเลี้ยงของทวยเทพและเซียนต่างๆ)

สมาชิกทั้ง 8 ในกลุ่มของโป๊ยเซียนนั้นแตกต่างกันไปตามยุคสมัย แต่ปัจจุบันนี้โป๊ยเซียนมีด้วยกันดังนี้ เซียนแต่ละองค์ในบรรดา 8 องค์นี้ มีประวัติที่มาและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แตกต่างกันไป ในปัจจุบันทั้งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนยังนิยมนับถือบูชาโป๊ยเซียนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพค้าขาย...
ซึ่งเทพทั้ง 8 องค์นี้ประกอบไปด้วย...

ลือต้งปิง
ลื่อต้งปิงหรีอลื่อโจ้ว เกิดวันที่ 14 เดือนสี่ สมัยราชวงศ์ถัง เป็นคนเฉลียวฉลาดแต่เด็ก เคยไปสอบจิ้นซื่อสองครั้งแต่ก็สอบตก เมื่อทิก๋วยลี้
ทิก๋วยลี้ เดิมแซ่ "หลี่" ชื่อ "เหียน" เกิดยุคชุนชิวเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่สติปัญญาเฉลียวฉลาดหน้าตาดี ไม่ชอบทำมาหากินหรือมีครอบครัวเหมือนชาวบ้าน ชอบทางบำเพ็ญตบะถือศีลกินเจ เห็นว่าอำนาจวาสนา,ลาภยศสรรเสริญ,สมบัติพัสถานล้วนเป็นภาพมายาดุจเมฆหมอกลอย กลางอากาศไม่นานก็จางหายไป เมื่อหลี่เหียนพิจารณาเห็นสัจธรรมเช่นนี้ จึงตัดสินใจสละทางโลกอำลาญาติมิตรไปบำเพ็ญพรตอยู่ในถ้ำ จนสามารถถอดกายทิพย์และจิตวิญญาณออกจากร่างได้ วัน หนึ่งมีนัดต้องไปเข้าเฝ้าลีเลากุนผู้เป็นอาจารย์ที่เขาหัวซัน จึงฝากลูกศิษย์ให้ดูแลร่างเพื่อจะไปแต่กายทิพย์ ส่วนร่างทิ้งไว้ถ้าเกิน 7 วันยังไม่กลับให้เผาร่างได้เลย เมื่อท่านถอดจิตไปแล้ว มารดาของผู้เป็นศิษย์เกิดป่วยหนักคนทางบ้านมาส่งข่าวให้รีบกลับ ศิษย์ไม่อาจทนอยู่เฝ้าร่างได้ จึงนำร่างไปเผาในวันที่ 6 เมื่อท่านกลับมาในวันที่ 7 ไม่พบลูกศิษย์ไม่เห็นร่างของตนก็เข้าใจ และไม่เคืองไม่แยแสอะไร ไปเข้าร่างขอทานขาพิการที่เพิ่งเสียชีวิตร่างใหม่ของท่านจึงขาพิการข้าง หนึ่งดังในรูปทุกวันนี้ เวลาเดินใช้ไม้เท้าเหล็กค้ำคนจึงเรียกท่านว่า "ทิก๋วยลี้"

ฮั่นจงหลี
ฮั่นจงหลี เดิมแซ่ "จงหลี" ชื่อ "ฉวน" มีชีวิตในสมัยฮั่น เลยเรียกกันว่าฮั่นจงหลี เป็นบุตรของแม่ทัพจงหลี จาง วันที่เกิดมีแสงสว่างจ้าไปทั้งจวนแม่ทัพผู้คนตกใจคิดว่าไฟไหม้วิ่งไปยังจวน จะดับไฟ พอไปถึงไม่เห็นมีอะไรมีแต่ฮูหยินภรรยาแม่ทัพคลอดบุตรเป็นชาย มีลักษณะดีผิดแผกเด็กทั่วไป เมื่อโตขึ้นได้ไต่เต้าเป็นแม่ทัพ คราวหนึ่งนำทัพไปปราบกบฏคนฮวนเกิดพ่ายศึกยับเยิน ตัวเขาหนีรอดคนเดียวเข้าไปในหุบเขาได้พบกับนักพรตชราว่ากันว่าคือ ทิก้วยลี ได้รับถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญธรรมต่อมาได้บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นเซียนในที่สุด

อายุ ได้ 64 ก็ท่องเที่ยวพเนจรไปทั่ว ระหว่างพักโรงเตี๊ยมเมืองหันเอ้อได้พบกับอาจารย์ฮั่นจงหลีทั้งสองสนทนา เรื่องธรรมะถูกอัธยาศัย ลื่อต้งปิงถอนใจว่าชีวิตช่างอาภัพสอบจิ้นซื่อไม่ได้สักครั้งฮั่นจงหลีเอา หมอนในย่ามยื่นให้พร้อมกล่าวว่า "เจ้าจงหนุนหมอนใบนี้ จะทำให้ทุกอย่างสมหวัง" ลื่อต้งจึงหนุนหมอนหลับไม่รู้ตัว ขณะนั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังนึ่งข้าวเกาเหลียงอยู่ ลื่อต้งปิงได้ฝันเห็นอนาคตว่าชั่วครู่เดียวชีวิตขึ้นๆลงๆเปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่สอบได้จิ้นซื่อเป็นนายอำเภอเมืองลั่วหยังได้เลื่อนตำแหน่งหลาย ครั้งกระทั่งเป็นแม่ทัพรบชนะข้าศึก มีอำนาจวาสนามั่งมีศรีสุข 50 ปี เป็นอัครมหาเสนาบดี 10 ปีต่อมาถูกปลดออกจากตำแหน่งชีวิตต้องตกระกำลำบาก

เมื่อตื่นขึ้นฮั่นจงหลีกล่าวว่าเกาเหลียงยังไม่สุกฝันจบชั่วชีวิต ลื่อต้งปิงแปลกใจที่อาจารย์รู้ความฝัน ฮั่นจงหลีว่าชีวิตงคนก็เป็นเช่นนี้แหละ ลื่อต้งปิงจึงปลงตกละกิเลสขอปวารณาเป็นศิษย์ ฮั่นจงหลีได้นำลื่อต้งปิงไปบำเพ็ญเพียร ที่เขานกกระเรียนและถ่ายทอดเคล็ดลับให้จนสำเร็จเป็นเซียนในเวลาต่อมา

เหอเซียนโกว
เหอเซียนโกว เดิมชื่อ "ฮ่อค้วง" เป็นนางฟ้าหนึ่งเดียวในคณะแปดเซียน เกิดในสมัยราชวงศ์ถังเป็นชาวเมืองกวงโจว เป็นคนใจบุญและฉลาด วันหนึ่งได้พบกับเซียน ลื่อต้งปิง เซียนเห็นนางและส่งผลท้อให้เมื่อกินผลท้อนั้นแล้วก็ไม่รู้สึกหิวอีก และยังสามารถทำนายทายทักโชคชะตาของคนอื่น คืนวันหนึ่งเทพยดาได้มาเข้าฝันบอกให้นางกินแป้งฮุนบ้อ ทำให้ตัวเบาและไม่ตาย เมื่อตื่นขึ้นนางก็ลองทำตามในฝัน หลังจากกินแป้งฮุนบ้อแล้วปรากฏว่าตัวเบาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าปกติ หลังจากนั้นมักขึ้นเขาลงเขาอยู่เสมอขากลับยังนำผลไม้ต่างๆมาฝากมารดาเป็นประจำ ต่อมาข่าวลอยไปถึงในวังพระนางบูเช็กเทียนได้ส่งคนไปเชิญมาเข้าเฝ้า ระหว่างทางปรากฏว่านางหายตัวไป คณะเชิญค้นหาเท่าใดก็ไม่พบ ปรากฏภายหลังว่ามีคนเห็นนางขี่เมฆลอยอยู่บนฟ้าจึงรู้ว่าได้สำเร็จเป็นเซียนไปแล้ว


จางกั๋วเหล่า
ตำนานหนึ่งว่า จางกั๋วเหล่า เป็นคนสมัยถังเป็นนักพรตจำศีลภาวนาที่จงเถียวซัน ไปไหนมาไหนมักจะขี่ลาเผือกกลับหัวโดยหันหน้าไปทางหางลาเป็นปริศนาธรรมลานี้เป็นลาวิเศษ เวลาไม่ใช้สามารถเก็บพับใส่ในกระเป๋าดั่งกระดาษ เวลาจะขี่เอาน้ำพ่นกลายเป็นลาดังเดิม อีกตำนานหนึ่งก็ว่าในสมัยดึกดำบรรพ์มีพญาค้างคาวเผือก ตัวหนึ่งได้จำศีลบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำจนสำเร็จเป็นเซียน ได้กลายร่างเป็นชายชราผิวพรรณผ่องใสแข็งแรงคือจางกั๋วเหล่านั่นเอง

หลันไฉ่เหอ
หลันไฉ่เหอ เป็นคนสมัยฮั่นชอบใส่เสื้อผ้าขาดใส่รองเท้าข้างเดียวถือกรับไม้ยาวฟุตเศษ เที่ยวเดินร้องเพลงขอทานเรื่อยไปเพลงที่ร้องมีเนื้อเพลงเป็นคติเตือนใจคน เมื่อได้เงินก็เอามาร้อยเป็นพวงแล้ววิ่งลากไปตามถนนเชือกขาดเงินหลุดหล่นหายไปก็ไม่สนใจ มีเงินเหลือกินก็นำไปแจกจ่ายแก่คนยากจนหน้าร้อนใส่เสื้อหนา หน้าหนาว หิมะตกกลับใส่เสื้อตัวเดียวนอนบนหิมะ ต่อมา ทิก๋วยลี้ และ ฮั่นจงหลี ได้มาชวนไปบำเพียรเพียรจนสำเร็จเป็นเซียน

หันเซียงจื่อ
หันเซียงจื่อ สมญานาม ชิงฟู เกิดในสมัยถัง วันที่ 10 เดือนสิบ พ.ศ. 1320 กำพร้าพ่อแม่แต่เด็กอาศัยอยู่กับหันยู่ผู้เป็นอาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ นิสัยรักสันโดษชอบปลีกวิเวก วันหนึ่งท่านลื่อโจ้วได้มาโปรดจนบำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียน หันเซียงจื่อ ยังกตัญญูโปรดหันยู่ให้ละทิ้งตำแหน่งขุนนางมาบำเพ็ญธรรมใช้เวลาถึง 9 ปี จึงโปรด สำเร็จ

เชาก๊กกู๋
เชาก๊กกู๋ เดิมชื่อ เชาจิ่งซิว เป็นน้องชายของพระราชินีเชาฮองเฮา แห่งราชวงศ์ซ่ง เชาก๊กกู๋เป็นคนเที่ยงตรง มีเมตตารักสงบไม่ชอบความโก้หรู เนื่องจากละอายที่เชายี น้องชายถืออำนาจพี่สาวเที่ยวก่อกรรมทำชั่วจนถูกท่านเปาตัดสินประหารชีวิต จึงตัดสินใจขึ้นเขาบำเพ็ญเพียรต่อมาเขาได้พบกับ ฮั่นจงหลี และ ลื่อต้งปิง ลื่อต้งปิงถามว่าได้ข่าวว่าท่านบำเพ็ญธรรม ธรรมที่ท่านบำเพ็ญอยู่ที่ใดเชาก๊กกู๋ชี้นิ้วขึ้นฟ้า ลื่อต้งปิง ถามอีกว่า ฟ้าอยู่ที่ใดเชาก๊กกู๋ก็ชี้ที่หัวใจ ฮั่นจงหลีหัวเราะแล้วพูดว่า "ใจก็คือฟ้า ฟ้าก็คือใจ" บัดนี้ท่านค้นพบตัวเองแล้ว จากนั้นเซียนทั้งสองจึงถ่ายทอดมรรควิธีแก่ เชาก๊กกู๋ จนบำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียนในที่สุด

เทพเจ้าจงเขว่ย ผู้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
จงเขว่ย หรือ จง เขว่ย(หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Zhong Kui) เป็นเทพกึ่งปีศาจในตำนานเทพของจีน เชื่อกันว่าจงเขว่ยเป็นผู้กำราบปีศาจร้าย และมักจะวาดภาพจงเขว่ยไว้ที่หน้าประตูเพื่อให้เป็นผู้ปกปักษ์คุ้มครองบ้าน

ตามตำนานของจีน เล่าว่าจงเขว่ยเป็นชายหนุ่มมีความรู้ดีแต่หน้าตาอัปลักษณ์ เขาเดินทางไปกับตู้ผิงเพื่อนคนหนซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกัน เพื่อเข้าสอบรับราชการเป็นบัณฑิตที่เรียกว่าจอหงวนในเมืองหลวง แม้ว่าจงเขว่ยจะสอบได้คะแนนสูงสุดแต่ฮ่องเต้ก็มิได้ประทานตำแหน่งจอหงวนให้ เพราะจงเขว่ยมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้จงเขว่ยจึงโกรธและน้อยใจอย่างยิ่ง และฆ่าตัวตายที่บันไดพระราชวังนั่นเอง ส่วนตู้ผิงก็ช่วยทำศพเพื่อน ครั้นเมื่อตายไปแล้วจงเขว่ยได้เป็นราชาแห่งปิศาจในนรก และจะกลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่ (นั่นก็คือช่วง ตรุษจีนนั่นเอง) นอกจากนี้ยังได้ตอบแทนความมีน้ำใจของตู้ผิง โดยการมอบน้องสาวของเขาให้แต่งงานกับตู้ผิง

เรื่องราวของจงเขว่ยนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนิทานพื้นบ้านของจีน ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเสวียนจงในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 712 ถึง 756) จากเอกสารในสมัยราชวงศ์ซ่ง ระบุว่าเมื่อจักรพรรดิเสวียนจงทรงพระประชวรหนักทรงพระสุบินเห็นปิศาจสองตน ตนเล็กขโมยถุงเงินไปจากพระสนมนามว่าหยางกุ้ยเฟย และขลุ่ยขององค์จักรพรรดิส่วน ปิศาจคนใหญ่นั้นสวมหมวกขุนนางมาจับปิศาจตนเล็กและดึงลูกตาออกมากินเสีย จากนั้นปิศาจตนใหญ่ก็แนะนำตนว่าชื่อจงเขว่ย และบอกว่าตนได้สาบานที่จะกำจัดอาณาจักรแห่งความชั่วร้าย เมื่อจักรพรรดิตื่นบรรทมก็ทรงหายจากอาการประชวร จากนั้นได้มีบัญชาให้นายช่างหลวง ชื่อ อู่ เต้าจื่อ วาดภาพจงเขว่ยให้เหล่าขุนนางได้ดูซึ่งภาพดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างมากต่อภาพ วาดจงเขว่ยในสมัยต่อๆ มา

เรียบเรียงจาก
thai.mindcyber.com
http://th.wikipedia.org

2554/08/26

โรค "มือ เท้า ปาก"พันธุ์ใหม่


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้แทนกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคมือ เท้า ปากในเด็กเล็กว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่พบผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก โดยเริ่มพบการระบาดของโรคตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระหว่างขาขึ้นของการระบาด

นพ.สุวรรณชัยแถลงว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยจะพบเชื้อมือ เท้า ปาก ที่เรียกว่าค็อกซากี (Coxsackie) ไวรัสชนิดเอ 16 แต่จากการเฝ้าระวังรอบการระบาดในปี 2554 พบว่ามีเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Entero Virus 71) หรืออีวี 71 มีความสัมพันธ์กับการทำให้สถานการณ์ของโรคระบาดรุนแรงขึ้น อีกทั้งการระบาดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป แต่ครั้งนี้พบการระบาดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ โดย 1 ในผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว อายุเพียง 1 ขวบ 8 เดือน ทั้งนี้ การที่อายุของการระบาดต่ำลงทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแล เพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกความผิดปกติได้เท่าเด็กโต ทำให้อาการทรุดหนักและเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

"การระบาดที่รุนแรงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากระบบเฝ้าระวังบกพร่อง แต่เกิดจากลักษณะของเชื้อและความรุนแรงของเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเด็กมีอายุน้อยลง ทำให้ภูมิต้านทานลดลง การควบคุมโรคทำได้ยาก ดังนั้น กรมควบคุมโรคจะสืบประวัติของผู้ป่วยเด็กเล็กที่มีอาการหนักและเสียชีวิตในห้องไอซียู และผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงย้อนหลัง เช่น มีแผลในปาก มีการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจรุนแรง มีอาการชัก เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังต่อไป" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า สำหรับเด็กที่เสียชีวิตอีก 3 ราย อยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเป็นเชื้ออีวี 71 หรือไม่ ต้องใช้เวลาเป็นเดือน นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอีก 1 ราย จึงขอให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวถามว่า ในต่างประเทศมีการระบาดของโรคนี้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ล่าสุดมีข้อมูลจากประเทศเวียดนามพบผู้ป่วยกว่า 23,000 ราย เสียชีวิตกว่า 80 ราย ซึ่งพบเชื้ออีวี 71 ปะปนอยู่เช่นกัน

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พญ.ดวงพร อัศวราชันย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) พระนครศรีอยุธยา และกุมารแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ป่วยมือเท้าปากส่วนใหญ่เป็นเด็ก เฉพาะในเดือนกรกฎาคมพบผู้ป่วยที่ รพ.จำนวน 39 ราย และเดือนสิงหาคมนี้มีเด็กป่วยแล้วจำนวน 20 ราย ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดเป็นโรคมือเท้าปากในกลุ่มของเชื้อชนิดเดิมคือเชื้อไวรัสค็อกซากี แต่ยังไม่พบกลุ่มของโรคมือเท้าปากที่เป็นเชื้อชนิดใหม่

"โรคมือเท้าปากจะติดจากสารคัดหลั่งในระบบทางเดินอาหาร เช่น น้ำลาย โดยเฉพาะเด็กจะติดโรคได้ง่าย เนื่องจากมืออาจจะไปสัมผัสโดนเชื้อ แล้วหยิบจับอาหารเข้าปาก ส่วนใหญ่จะติดเชื้อจากที่โรงเรียน เพราะเป็นที่รวมของเด็กๆ พ่อแม่ต้องเฝ้าดูอาการของลูกๆ ซึ่งอาการของโรคมือเท้าปากในกลุ่มเชื้อไวรัสค็อกซากี จะมีไข้ต่ำต่อเนื่อง เบื่ออาหาร มีเม็ดตุ่มขึ้นในลำคอและตามข้อพับมือเท้าและที่สำคัญคือจะมีน้ำลายไหลต่อเนื่อง หากลูกๆ มีอาการดังกล่าวให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้และรีบพบแพทย์เพื่อรักษา แต่หากเป็นโรคมือเท้าปากชนิดใหม่จะแสดงอาการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีไข้สูงขึ้นและอาจชักหรือหัวใจวายเฉียบพลันได้ ถือว่าอันตรายมากหากพบแพทย์ไม่ทัน ทั้งนี้ โรคมือเท้าปากระบาดไม่เกี่ยวกับภาวะน้ำท่วม" พญ.ดวงพรกล่าว
ที่มา : มติชน 26 ส.ค.54

2554/08/04

ร่วมสนับสนุน หนังไทย... คนโขน




เรื่องของคน เรื่องของโขนนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2508

โดยเล่าเรื่องราวของ ชาด (อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ) เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง ครูหยด (สรพงษ์ ชาตรี) เลี้ยงดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั่งเติบใหญ่มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจกลายเป็นศิษย์เอกในคณะโขนของครูหยด อีกทั้งชาดยังได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจที่ดีเสมอมาจากเพื่อนรักอย่าง ตือ (กองทุน พงษ์พัฒนะ) และ แรม (นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่สนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเด็ก
ด้านครูหยดก็ได้มองเห็นแววที่จะเอาดีทางด้านนี้ของชาด และคิดจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่วัดอ่างทอง
เส้นทางชีวิตของชาดดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคในการก้าวตามความฝัน เพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของเขา

แต่เมื่อ ครูเสก (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึก ได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยด จึงหาวิธีกลั่นแกล้งไม่ให้ครูหยดได้แสดงโขนที่วัดนี้ ซึ่งก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสกอย่าง คม (ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์) คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน

บางครั้งเราก็ต้องพบกับฝันร้ายโดยไม่รู้ตัว...

เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาครูหยดและชาดนั้นไม่ใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอันเกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชาดยังหลงเข้าไปในวังวนแห่งตัณหาราคะที่ก่อเกิดจาก รำไพ (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เมียรุ่นลูกของครูหยดที่จ้องจะเข้าหาชาดทุกครั้งที่มีโอกาส รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักอย่างชาด, แรม และตือที่ถูกสั่นคลอนลงอย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตของชาดซวนเซและพลิกผันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฉากสุดท้ายของชาดจะสามารถกลับลำและไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ ถึงเวลาที่ชาดจะต้องต่อสู้เอาชนะด้านมืดของตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่หัวโขนที่สวมใส่

2554/07/21

เหตุของน้ำรั่ว ในรถยนต์

เหตุของน้ำรั่ว ในรถยนต์ เป็นเพราะปั๊มน้ำรั่ว ทำให้เครื่องยนต์ดับสนิทระหว่างขับรถ ซึ่งน่ากลัวมาก..โชคดีที่เวลานั้นรถไม่เยอะ แล้วรถวิ่งด้วยความเร็วไม่มากนัก จึงสามารถจอดเข้าปั๊มน้ำมันได้พอดิบพอดี...

ใช้ Smart Phone Moto Charm ในการหาเบอร์โทร. รถลากจูง.. ตอนแรก search คำว่า "รถยก" เจอแต่พวกรถโฟลค์ลิฟท์ ซะงั้น... เลยเปลี่ยนคำใหม่ "รถลาก" แหม..เจอเลย.. และเราก็เลือกอันดับสอง...

โทร.ไปเพื่อบอกตำแหน่งรถให้เขารู้ และเขาก็คิดค่าบริการ 1,200 บาท ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าแพง.แต่ก็ไหนๆ แล้วนานๆ เกิดขึ้นที ก็ต้องใช้บริการแหล่ะ และก็ขี้เกียจหาใหม่แล้วด้วย
นั่งรอได้ประมาณ 30 นาที รถลากจูงก็วิ่งเข้ามาในปั๊ม และจัดการผูกรถ และทำการลากรถอย่างมืออาชีพ สมแล้วที่อยู่ในอันดับสอง ของ google

พอขึ้นไปบนรถ ก็ชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง มีคนโทร.มาจาก จ.กาญจนบุรี บอกว่ารถเสีย อยากให้ไปลากรถ คืนนั้นเลย.. โอ้โห..มันก็ 4 ทุ่มกว่าแล้ว.. กว่าจะถึงเมืองกาญก็เช้าละครับ.. (ในใจนึกอย่างนั้น)
แต่พอเขาคุยไป คุยมา เรื่องราคา เรียกไปตั้ง 12,000 บาท ค่าลากรถ..

ได้ยินครั้งแรกก็สะดุ้งเลยเรา.. โห..นี่ถ้าไปเสียที่ตจว. เราคงแย่แน่เลย.. แต่คุยไปคุยมาลูกค้าก็ไม่ตกลง และทางรถยกก็เสนอให้เขาลองหารถท้องถิ่นดู...


ซึ่งระหว่างทางก็ได้ความรู้ว่าอาชีพ รถลากนี้ ไม่ใช่ว่าจะได้งานทุกวัน เพราะรถไม่ได้เสียกันทุกวัน แต่ก็สามารถเลี้ยงชีพได้.. และทางเขาเองก็ทำ website คือ


บริการแบบมืออาชีพ เป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับรถลากจูง มาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว และดูก็เป็นคนที่ชอบทำงานเพื่อสังคมอีกด้วย.. ก็ขอให้เขามีความเจริญก้าวหน้า และทำงานที่ตนเองชอบได้ดีขึ้นไป

2554/07/14

สาเหตุตัวร้อน เป็นไข้ ใช่ว่ากินยาพาราอย่างเดียวแล้วจะหาย





ไข้หรือตัวร้อน หมายถึง อุณหภูมิกายเพิ่มสูงกว่าปกติ หากเป็นอุณหภูมิที่วัดทางปากต้องสูงเกิน 37.2 C' เวลาที่มีไข้ไม่จำเป็นว่าทุกส่วนของร่างกายจะต้องร้อนเท่ากันหมด อาจร้อนที่ศีรษะ ลำตัว และแขนขา แต่ฝ่ามือฝ่าเท้าเย็น สาเหตุของไข้จริงๆแล้วมีมากมาย
ถ้าหาสาเหตุไม่เจอ ก็จะเป็นไข้ต้วร้อน 2-3 วัน แม้จะกินยาลดไข้แล้วก็จะไม่หาย



สาเหตุหลักๆ
1. ติดเชื้อภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดลม , กระเพาะปัสสาวะ, ทางเดินอาหาร เป็นต้น.. สามารถทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้อย่างน่าตกใจ และเหนื่อยล้าหมดแรง
2. ความเครียด หรือ พักผ่อนน้อย.. สมองคิดแต่เรื่องงานมากไป หรือคิดเรื่องได้เรื่องหนึ่งอย่างหมกหมุ่น ทำให้จิตใจไม่ปลอดโปร่ง.. ทำให้ร่างการก็ย้ำแย่ได้เหมือนกัน

ดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ เมื่อรู้สึกตัวร้อน ครั้นเนื้อครั้นตัว :

- กินยาลดไข้ แต่ยาลดไข้พาราเซตตามอล เป็นเพียงยาบรรเทา ไม่ใช่ยารักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้ กล่าวคือ เมื่อกินยา 1 ครั้ง ยาจะออกฤทธิ์ ลดไข้อยู่ได้นาน 4-6 ชั่วโมง หากสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้ยังไม่หาย เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้วไข้ก็จะปรากฏใหม่ ท่านก็ค่อยให้ยาใหม่ ซึ่งมันก็อย่างที่บอกไปในตอนต้น.. ว่าเหตุที่แท้จริงของไข้มันคืออะไร
- ดื่มน้ำมากๆ และนอนพักในสถานที่อากาศถ่ายเทสะดวก
- ถ้า 1 วันแล้ว ไข้ไม่ลด ควรไปหาหมอ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของไข้... อย่าปล่อยให้มันเนิ่นนานเกินไปเพราะจะทำให้เสียค่ารักษาพยาบาลมากเกินความจำเป็น ดังสุภาษิตที่ว่า เสียน้อย เสียยาก เสียมากเสียง่าย


Tips for kids :
หากบุตรหลานของท่านมีไข้ไม่สูง มีเพียงศีรษะอุ่น ไม่กระวนกระวาย ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาลดไข้ เพราะยาลดไข้เป็นเพียงยาระงับหรือบรรเทาไข้ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ขอให้สังเกตอากการและเช็ตดตัวบุตรไปก่อนสัก 1-2 วัน
ฉะนั้น ท่านจึงควรให้ยาลดไข้เมื่อไข้สูงเท่านั้น และให้ในขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว ห้ามให้ถี่กว่า 4 ชั่วโมง หากให้ยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ควรให้เด็กดื่มนำมากๆ ร่วมกับการเช็ดตัวด้วยน้ำประปาจนกว่าไข้จะลด
ท่านไม่จำเป็นต้องพาเด็กไปพบแพทย์ทันทีของการมีไข้ หากเด็กยังเล่นได้ ดูทีวีได้ ท่านเพียงให้ยาลดไข้ เป็นครั้งเป็นคราว
แต่ถ้าภายใน 2-3 วันอาการไข้ยังไม่ทุเลาจึงพาไปพบแพทย์ เพราะไข้จะหายเองเมื่อถึงกำหนดระยะของโรค แม้ไปพบแพทย์ก็ไม่ได้ช่วยให้หายไข้เร็วขึ้น

ขณะมีไข้สูง เด็กมักกินอาหารได้น้อยลง ทำให้มีกากอาหารในลำไส้น้อย มีผลทำให้ไม่ถ่ายอุจจาระ ในสังคมไทยมีความเชื่อว่า หากเด็กไม่ถ่ายอุจจาระจะทำให้ไข้ยิ่งสูง ความเชื่อนี้ต้องการการแก้ไข ท่านไม่ควรใช้วิธีการใดๆ ทำให้เด็กถ่าย เพราะการไม่ถ่ายเกิดจาก การกินอาหารน้อยลง การกินยาระบายหรือการเหน็บยาอาจมีอันตรายหากสาเหตุของไข้เกิดจาก ไข้ไทฟอยด์หรือไส้ติ่งอักเสบ เพราะทำให้ลำไส้แตกทะลุได้

2554/07/11

พลังเฟสบุ๊ค 18 ปี มาเจอกัน

พลังแห่งเฟสบุ๊ค 18 ปี หลังจากจบจากโรงเรียน ก็ทำให้คนได้พบพานกันอีกครั้ง...
18 ปี แห่งมิตรภาพ
18 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลง
18 ปี แห่งการเติบโต
18 ปี แห่งความเป็นสถาบันเดียวกัน
18 ปี แห่งการร้องเพลงโรงเรียนอีกครั้ง
18 ปี แห่งความผูกพัน

2554/06/05

Pirate 4 ความรักความผูกพัน

วันหยุดแวะไปดูเรื่อง Pirate 4 แบบ 3 มิติ
นั่งดูจนครบ 2.20 ชม. หนัง ไพเรท ออฟ เดอะ แคริบเบียน 4 นำแสดงนำโดย จอห์นนี่ เดปป์ เป็นภาพยนตร์ภาคต่อจาก ภาคที่ 3 ซึ่งจบไปแล้วเนื้อเรื่องย่อหนังไพเรทภาคนี้ คือการผจญภัยอีกครั้งของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ (จอห์นนี่ เด็ปป์)

ในครั้งนี้มีภารกิจพิชิตน้ำพุแห่งเยาว์วัย หรือ Fountain of Youth และต้องต่อกรกับเหล่าโจรสลัดเคราดำ ราชนาวีอังกฤษ นางเงือก และเหล่าผีซอมบี้ ซึ่งเพื่อนนักวิจารณ์หนังทั้งหลายให้ความคิดเห็นต่างกันไป ทั้งสนุกดี และน่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งตัวของแจ็คดูมีสาระและมีความคิดมากกว่าภาคเดิมหรือว่า ไร้สาระบ้าง

แต่ยังไงหนังเรื่องนี้ก็ยังมีข้อคิดดีๆให้เรานำไปเป็นแนวคิดเช่นกัน..ทั้งเรื่องความเสียสละ การวางแผนในการลงมือทำสิ่งใดๆ ความเป็นผู้นำ ความรักความผูกพันระหว่างพ่อกับลูก เพื่อน คนรัก เจ้านายกับลูกน้อง ความเอื้อเฟื้อมีน้ำใจให้แก่กัน..เช่น

ในตอนที่โจรสลัดเคราดำถูกดาบอาบพิษของชายขาเดียวฟันจนเสียทีล้มลงไปก่อนที่จะโดนฟันซ้ำนั้น แองเจลิก้าผู้เป็นลูกสาวก็เข้ามาช่วยปัดดาบออกไปจนได้รับบาดแผล หรือเป็นตอนที่แจ็คนำน้ำอมฤตที่สามารถช่วยให้รอดชีวิตได้เพียงคนเดียวมาให้ดื่มนั้น นางก็ยอมเสียสละให้กับพ่อของตนเอง ถึงแม้ผู้เป็นพ่อจะไม่ได้เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เด็กก็ตาม...

สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สื่อถึงความเสียสละ ความกตัญญู และความรักความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกได้เป็นอย่างดี ซึ่งความคิดเห็นต่างๆนั้นย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนที่ได้ชม ยังไงก็ยังแนะนำให้ไปชมกันก่อนนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร..

สำหรับคนรักการดูหนังทุกคน อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการช่วยผ่อนคลาย หลังจากการทำงาน การเรียน ซึ่งพวกเราคิดว่าคุ้มค่าและมีประโยชน์อีกทางนึงค่ะ..