แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด

2563/06/18

นอนดึก ไม่ดีอย่างไร เรามาดูกัน

คุณหมอด้านเวชศาสตร์ชลอวัย อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจกันครับ
.
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เล่าให้ฟังถึงผลเสียของการนอนดึก ใครที่นอนเกิน 5 ทุ่มครื่ง…จะมีผลทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมโทรมเร็วขึ้น ทั้ง สมอง หัวใจ หลอดเลือด ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมไธรอยด์ และภูมิคุ้มกันร่างกาย …แต่ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ตั้งแต่ 4 ทุ่มไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นนาทีทองของการนอน ก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 10 ประการ ดังนี้ครับ
.
1. สมองสร้างเคมีสุข
อย่างที่รู้ว่า สมองเป็นหัวเรือใหญ่ในการแจกงานให้อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่เวลานอน…ก็ยังมอบรางวัลให้ร่างกาย ทั้ง เคมีนิทรา (เมลาโทนิน), เคมีสุข (ซีโรโทนิน) และฮอร์โมนเพศ แถมยังมีเคมีบำรุงร่างกายออกมา ช่วยควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยเจ็บได้ด้วย
.
2. สร้างเคมีหนุ่มสาว
ปกติแล้ว เคมีหนุ่มสาวที่เรียกว่า "โกรทฮอร์โมน" จะค่อย ๆ ลดลงตามวัย รวมทั้งการนอนดึก …ก็ทำให้โกรทฮอร์โมนน้อยลงไปด้วย …แต่ถ้าเราเข้านอนเร็ว สักราว 4 ทุ่ม ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง สมองจะช่วยผลิตโกรทฮอร์โมนธรรมชาติให้ สรุปว่ายิ่งเราหลับไว หลับสนิท เราก็ยิ่งดูอ่อนเยาว์ เพราะโกรทฮอร์โมน จะหลั่งในช่วงเวลา 00.00-01.30 น. รวมเวลา 1 ชม.ครึ่งเท่านั้น ซึ่งจะช่วยซ่อมเสริมภูมิต้านทานโรค ให้มีพลังร่างกายที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น

3. ความจำดีขึ้น
การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า คนที่นอนหลับได้ในช่วง 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ปรากฏผลงานวิจัยติดตาม พบว่า มีผลต่อความจำ, ความมีสมาธิ อย่างมีนัยสำคัญ และ ลดอุบัติเหตุลงได้มากขึ้น นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบ คล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือ ไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง หรือ อาจเผลอเรอได้ง่ายๆ ดังนั้น ต้องนอนให้เต็มอิ่ม จะได้เป็นการชาร์จแบตให้สมอง พร้อมรับความจำใหม่ ๆ ได้ดี

4. คุมความดันโลหิตได้
การนอนหลับเร็ว จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีวิวิทยา ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋ว ที่ทำงานซับซ้อน ช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน

5. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ
คนก็เหมือนเครื่องยนต์ ทำงานมาหนัก ก็ต้องหยุดพักบ้างจริงไหม ซึ่งการนอนก็เหมือนเข้าอู่ซ่อมรถ ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ช่วยให้สมองได้พักผ่อน กล้ามเนื้อคลายตัว หัวใจสงบขึ้น ความดันลดลง โดยเฉพาะ ถ้าหลับลึกได้ในข่วง 00.00 - 01.30 น. ในแต่ละคืน สุขภาพย่อมแข็งแรง เสมือนย้อนไปในช่วงที่อยู่ในวัยเบญจเพศได้

6. ลดความเสี่ยงโรคอ้วน
ถ้าเรานอนเร็ว จะทำให้เราไม่หิวกลางดึก อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้อ้วน นอกจากนั้น ยังมีกลไกดับหิวด้วยการสร้างเคมีดับหิวขึ้นมา ทำให้การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาในร่างกาย ให้ทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย

7. มีความสุขง่ายขึ้น
ยิ่งอดนอนมาก สมองของเราก็ยิ่งอึมครึม ทำให้ขาดสมาธิ ความจำก็ไม่ดี อะไรมากระทบนิดกระทบหน่อย ก็หงุดหงิดอารมณ์เสียแล้ว แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ แต่ถ้าเราลองนอนให้เร็วขึ้น เราจะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมองได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไรก็มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริง ๆ นะ

8. ได้ล้างพิษ
เวลาที่เรานอน จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น ลองสังเกตดูสิ ถ้าใครชอบอดนอน หรือ นอนดึก นอกจากหน้าตาดูหม่นหมองแล้ว ยังมีปัญหาท้องผูกด้วย นั่นเพราะส่วนหนึ่งของพิษมาจากการนอนดึก เพราะฉะนั้น สาว ๆ ที่ชอบปวดรอบเดือนบ่อย ๆ ให้แก้ไขด้วยการนอนให้เร็วขึ้น จะช่วยคุมเคมีปวดได้มากขึ้น

9. ไม่เสี่ยงโรคกำเริบ
เครื่องยนต์ที่ทำงานเกินเวลา ก็เสียได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไม่ยอมพักผ่อน ไม่ยอมหลับยอมนอน ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ก็อาจทำให้โรคที่พกอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ พากันแผลงฤทธิ์ขึ้นได้ โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ โรคเครียด โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็ง เป็นต้น

10. ช่วยป้องกันการแก่ให้ช้าลง
ไม่อยากแก่ รีบชวนกันนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม หรือ สูงสุด ไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง เพราะ การนอนไม่ดึกมาก จะช่วยเสริมสร้างความเป็นหนุ่มสาว และช่วยให้หลับสนิทได้ง่ายขึ้น ไม่ทำร้ายร่างกายให้แก่ก่อนวัยอันควร เพราะ จะช่วยป้องกันความเสื่อมชราให้ช้าลงได้ด้วย

อยากมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืนต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรม ฝึกให้เป็น "นิสัย" ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลัง และพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้เรามีภูมิต้านทานที่ดี เพราะไม่มีใครสามารถให้ "สุขภาพ" ที่ดีกับเราได้ ยกเว้นเราต้องทำให้ตัวเอง และร่างกายคือบ้านที่เราต้องรักษา เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข การป้องกันดีกว่าการซ่อมแซม เราคงไม่อยากเอาเงินที่หามาได้ไปแลกกับความเจ็บป่วยต่างๆ 

เริ่มเลยวันนี้..

2563/04/09

กรดไหลย้อน ทำให้เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม

กรดไหลย้อน ผลของอาการทางกายทุกคนก็คงพอทราบดีอยู่แล้ว ดังนั้น การปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เรากินข้าวช้าลง และกินข้าวมื้อเย็นเร็วขึ้น จากเดิมกินตอน 1 ทุ่ม ถึง สองทุ่ม ก็มากินข้าวเย็น ก่อน 1 ทุ่ม ซึ่งเราก็ทำได้

ลดการกินเนื้อสัตว์ สัตว์บกทุกประเภท หลีกเลี่ยงได้เป็นหลีกเลี่ยง เพราะกินแล้ว มันจะทำให้กรดมันเพิ่มขึ้น

เลิกกินมะเขือเทศ  แปลกแต่จริง เพราะหมอเป็นคนบอกเองว่า ถ้ากินแล้วจะทำให้เกิดกรดไหลย้อนมากขึ้น ซึ่งเราก็ลองสังเกตจริงๆ เออ!! จริงด้วย วันใดที่กินมะเขือเทศ หรือ ซุปน้ำมะเขือ วันนั้นเป็นวันที่จะอึดอัดกันไปเลยทีเดียว

กรดไหลย้อน สร้างพฤติกรรมใหม่คือ การเลิกดื่มกาแฟไปเลยครับ..ช่วงเวลากว่า ยี่สิบวันที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือ ชา   เราเองก็ไม่ปวดหัวแล้วด้วย เพราะแต่ก่อนไม่กินกาแฟ แล้วจะปวดหัว แต่ตอนนี้ ไม่ปวดหัวแล้วจ้า

กรดไหลย้อน คงอยู่กับเราไปอีกนาน.. เพราะสุขภาพก่อนหน้านี้ เราดูแลได้ไม่ค่อยดีนัก  ตอนนี้กินผัก ดื่มน้ำขิง กินอาหารอ่อนๆ จากคนน้ำหนัก แปดสิบสองกิโล  ลดลงมาเหลือ เจ็ดสิบเจ็ดกิโล  แล้วฮะ  แล้วเป้าหมายต่อไป คือ เจ็ดสิบห้ากิโล ซึ่งเป็นน้ำหนักเมื่อหลายสิบปีก่อน... 

เราจะกลับมาแข็งแรง สมวัยคนกลางคนอีกครั้ง 


2561/08/11

เริ่ม สายวัดสุขภาพ mi band 2

ตัดสินใจอยู่นาน mi band 2 กะ band 3 ว่าจะเอาอันไหนดี 
แบน 2 ใช้แต้มบัตรเครดิตแลกมา  555
แบน 3 ต้องหาซื้อผ่านเว็บ เกือบได้ซื้อหลายครั้งล่ะ แต่เปลี่ยนใจขอมาลองใช้ band 2 ก่อนละกัน... และวันนี้ก็ได้สินค้าและลองติดตั้งเรียบร้อย ในนาม amado gmail  และชื่อเล่นว่า zi fatima เท่ห์ม่ะ
;)

2559/12/03

บ้านแห่งอนาคต สำหรับผู้สูงอายุ

ใครว่าผมเชย ผมก็ไม่แน่ใจนะ..ที่หยิบ นสพ. มาอ่าน. แต่วันนี้เจอข่าวดีๆ จึงอยากเอามาแปะให้อ่านกัน
...
ส่วนตัวชอบเก้าอี้ที่ขึ้นไปตามราวบันได...
มันเหมือนในการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา "ปู่....."

2555/06/26

ใครซักคน.. เพลง และข้อคิดดีๆ ที่ได้จากหนัง อนุบาลเด็กโข่ง




ใครซักคน  : อัครชัย

เนื้อเพลง :

บางสิ่งที่หายไปจากหัวใจ ที่สำคัญและมันยิ่งใหญ่ 
กว่าจะค้นหาจนเจอก็เกือบเสียมันไป ต้องใช้เวลาแสนนาน

ฉันเป็นอย่างคนนั้น ที่ชีวิตนี้ เหมือนยังวุ่นวายสับสน
ไม่เคยมองเห็น ถ้าวันนี้เพิ่งได้รู้ ว่า
ใครสักคน เพื่อนแท้ที่ฉันได้มองข้ามผ่าน
สิ่งที่เคยตามหา เฝ้ารอมานาน คนที่ใจต้องการ เคยคิดว่าไม่สำคัญ
ในวันนี้  ฉันรู้ว่าต้องมาอยู่คนเดียว
ชีวิตลำพังที่ไม่มีใคร  มันเหน็บหนาว
อยากจะขอแค่ใครซักคนมาเป็นเพื่อนกัน

ความสุขที่ล้วนมาจากข้างใน  ขอแค่ยอมเปิดใจ กว่าจะค้นหาจนเจอก็เกือบเสียมันไป
ความรักที่เคยหวัง  ฉันเป็นอีกคนนั้น ที่ชีวิตนี้เหมือนยังวุ่นวายสับสน
ไม่เคยมองเห็น จนวันนี้

เพิ่งได้รู้ว่าใครซักคน เพื่อนแท้ฉันซักคน ที่มองข้ามผ่าน 
สิ่งที่เคยตามหา เฝ้ารอมานาน คนที่ใจต้องการ  เคยคิดว่าไม่สำคัญ
ในวันนี้ ฉันรู้ว่าต้องมาอยู่คนเดียว
ชีวิตลำพังที่ไม่มีใคร มันเหน็บหนาว
อยากขอแค่ใครซักคนมาเป็นเพื่อนกัน


ใครสักคน เพื่อนแท้ที่ฉันได้มองข้ามผ่าน
สิ่งที่เคยตามหา เฝ้ารอมานาน คนที่ใจต้องการ เคยคิดว่าไม่สำคัญ
ในวันนี้  ฉันรู้ว่าต้องมาอยู่คนเดียว
ชีวิตลำพังที่ไม่มีใคร  จะเหงาสักเท่าไร



**************************************



ข้อคิดที่ได้..ชัดเจนมาก...
การให้อภัย และการขอโทษ  เรายังคงเป็นเพื่อนกันมาตลอด เราเลยมาขอโทษนาย

ในใจเริ่มมีการให้อภัย จึงมีการหลั่งสารเอนโดฟิน หรือ สารแห่งความสุข จากต่อมใต้สมอง เข้าสู่กระแสโลหิตและเข้าสู่สมอง
สารนี้จะทำให้จิตใจสบาย พร้อมจะรักตนเอง และรักคนอื่นได้  มีความคิดสร้างสรรค์ และมีจิตใจที่ปลอดโปร่ง และสบายใจขึ้น


คนที่ไม่อภัยนั้นเป็นคนแพ้




2555/06/11

พลังแห่งการขอบคุณ


ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทอง ม้วน
หนึ่งซึ่งมีราคา แพง     ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคา แพงนั้น มาห่อกล่องของ ขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส

แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอ ในเช้าวันรุ่งขึ้น และพูด ว่า ' นี่สำหรับพ่อ ค่ะ '

พ่อของ เธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีก ครั้งเมื่อ เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า
' ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่า การจะให้ของขวัญใคร มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? '

เด็ก น้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา และพูด ว่า ' โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่อง เปล่า เลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม '

ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น
เขาขอให้ลูก สาว ยกโทษให้เขากับท่าทางโกรธ เกรี้ยวเกินเหตุของเขา

ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิต ลูกสาวของชายคนนั้นไป และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่า นั้นไว้ข้างเตียง ตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียวและเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบ นี้ เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่ง จูบ แล้วรำลึกถึง ความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา


ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทอง ซึ่งบรรจุด้วยความ รัก ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจาก ลูกๆ , ครอบครัว และ เพื่อนๆ ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีก แล้ว

เพื่อนคือของขวัญ ผู้ซึ่งพยุงให้เรายืนขึ้น เมื่อปีกของ เรา ไม่รู้ว่าจะบินอย่างไร


มองโลกในแง่ดี และปฏิบัติ ดี

ฉันขอขอบคุณ สำหรับ....

สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน
เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่ บ้าน กับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น

สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่อง ล้างจานอยู่
เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ ถนน

สำหรับภาษีที่ต้อง เสีย เพราะนั่นหมาย ถึงฉันมีงานทำ

สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงาน ปาร์ตี้
เพราะนั่นหมาย ถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง

สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกิน ไป
เพราะนั่นหมาย ถึงฉันยังมีกิน

สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน
เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสง แดด

สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่าง ที่ต้องทำความสะอาด
เพราะ นั่นหมายถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา

สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอด รถ
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดิน ได้ และฉันมี รถ

สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่

สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้น วัน
เพราะนั่นหมาย ถึงฉันสามารถทำงานหนักได้

สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่

และสุดท้าย....... (เติมคำความปรารถนาของตัวคุณเอง)

2555/06/07

การดูแล และรักษาตนเอง ให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้



การรักษาโรคภูมิแพ้ มีขั้นตอนในการรักษา 4 ขั้นตอน คือ

1. การดูแลตนเองอย่างเหมาะสม และหลีกเลี่ยง หรือกำจัดสิ่งที่แพ้
เป็นการรักษาที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการรักษาและป้องกันที่สาเหตุ โดยพยายามดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์และแข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกประเภท รวมทั้งผักและผลไม้ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่น แจ่มใส เพราะถ้ามีอาการเครียด เศร้า โกรธ หรือกังวล อาจทำให้อาการของโรคมากขึ้นได้ พยายามอยู่ห่างจากผู้ที่ไม่สบายทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน เนื่องจากอาจรับเชื้อโรค ทำให้มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ และเมื่อมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ ฟันผุ คอหรือต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หรือการติดเชื้อที่ตา, ผิวหนัง หรือระบบทางเดินอาหาร ควรรีบไปหาแพทย์ เพื่อให้การรักษาเสียแต่เนิ่นๆ เพราะจะทำให้อาการของโรคภูมิแพ้กำเริบหรือแย่ลงไปได้ ควรดูแลสุขภาพของฟันและช่องปากให้ดี โดยไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง พยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้สัมผัสกับสิ่งที่แพ้ อาจใช้วิธีสังเกตว่า สัมผัสกับอะไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมใดหรือรับประทานอะไรแล้วมีอาการ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น นอกจากนั้นควรกำจัดหรือลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เหลือน้อยที่สุด แม้ว่าสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกบ้าน เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่สิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายในบ้านโดยเฉพาะห้องนอน เราสามารถควบคุมได้ เช่น

- ทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะ ห้องนอน ห้องทำงาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์, พัดลม, เครื่องปรับอากาศ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่น อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แล้วถูด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ไม่ควรใช้ไม้กวาดหรือที่ปัดฝุ่น เพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องทำความสะอาดเอง ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ขณะทำความสะอาดด้วย นอกจากนั้นควรล้างแผ่นกรองฝุ่นของเครื่องปรับอากาศทุก 2 สัปดาห์

- ควรใช้เตียงที่ไม่มีขา ขอบเตียงควรแนบชิดกับพื้นห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นขังอยู่ใต้เตียง

- ควรนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ผ้าคลุมเตียง มาตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจะฆ่าตัวไรฝุ่นให้ลดจำนวนลงได้

- ควรซักทำความสะอาด ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ผ้าม่าน อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าสามารถซักในน้ำร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที สัปดาห์ละ 1 ครั้งได้ก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยฆ่าตัวไรฝุ่นที่อาศัยอยู่ได้

- ควรใช้หมอน หมอนข้าง ที่นอน ที่ทำด้วยใยสังเคราะห์ หรือฟองน้ำ ไม่ควรใช้ชนิดที่มีนุ่น, ขนเป็ด, ขนไก่ หรือขนนก อยู่ภายใน ถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรหุ้มพลาสติกหรือผ้าไวนิลก่อนสวมปลอกหมอนหรือคลุมเตียง เพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของฝุ่น หรืออาจใช้ผ้าคลุมที่นอน ปลอกหมอน ที่ทำจากผ้าหุ้มกันไรฝุ่นร่วมด้วย แล้วจึงปูผ้าปูที่นอนและใส่ปลอกหมอน ผ้าหุ้มกันไรฝุ่นชนิดพิเศษนี้ควรซักด้วยน้ำธรรมดาทุก 2 สัปดาห์ ผ้าห่มควรเลือกชนิดที่ทำด้วยใยสังเคราะห์ หรือผ้าแพร หลีกเลี่ยงชนิดที่ทำด้วยขนสัตว์ ผ้าฝ้าย หรือผ้าสำลี

- ควรจัดห้องนอนให้โล่ง และมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นที่สุด และไม่ควรใช้พรมปูพื้นห้อง พื้นควรเป็นไม้หรือกระเบื้องยาง ไม่ควรใช้พรมหรือผ้าเช็ดเท้าหน้าเตียง ไม่ควรมีกองหนังสือ หรือ กระดาษเก่าๆ ควรเก็บหนังสือและเสื้อผ้าในตู้ที่ปิดมิดชิด ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ชนิดที่เป็นเบาะหุ้มผ้า ควรทำพลาสติกหุ้มหรือใช้ชนิดที่เป็นหนังแท้ หรือหนังเทียม หรือเป็นไม้ ไม่ควรมีของเล่นสำหรับเด็กที่มีนุ่น หรือเศษผ้าอยู่ภายใน หรือ ของเล่นที่เป็นขนปุกปุย หรือทำด้วยขนสัตว์จริง เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเป็นที่กักเก็บฝุ่นได้ ไม่ควรใช้ผ้าม่าน ควรใช้มูลี่แทนเพราะทำความสะอาดง่าย

- กำจัดแมลงสาบ มด แมลงวัน ยุง และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่านี้ เนื่องจากทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ควรให้ผู้อื่นกำจัด และทำในเวลาที่ผู้ป่วยไม่อยู่บ้าน

- ผู้ป่วยที่แพ้สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว นก หนู กระต่าย เป็ด หรือไก่ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ และไม่ควรนำสัตว์ดังกล่าวมาเลี้ยงไว้ในบ้าน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรให้อยู่นอกบ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องเลี้ยงในบ้าน อย่างน้อยไม่ควรให้สัตว์นั้นอยู่ในห้องนอน

- เชื้อราในอากาศก็ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ควรพยายามอย่าให้เกิดความชื้น หรือมีบริเวณอับทึบเกิดขึ้นในบ้าน โดยพยายามเปิดหน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้แสงแดดส่องถึง ตู้เสื้อผ้าควรให้มีอากาศถ่ายเทพอสมควร อย่าให้มีน้ำท่วมขังอยู่นานๆ โดยเฉพาะหลังฝนตกหนักๆ ตรวจและทำความสะอาดห้องน้ำ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ พยายามกำจัดแหล่งเพาะเชื้อรา เช่น ใบไม้ที่ร่วงทับถมอยู่บนพื้น เศษหญ้าที่ชื้นแฉะในสนาม ไม่ควรนำพืชที่ใส่กระถางปลูกมาไว้ภายในบ้าน เพราะดินในกระถางอาจเป็นที่เพาะเชื้อราได้ กำจัดอาหารที่เชื้อราขึ้นโดยเร็ว เมื่อเกิดมีเชื้อราขึ้นที่ใด เช่น ผนังห้องน้ำ ห้องครัว กระเบื้องปูพื้น ควรทำลายโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำยาไลโซล น้ำยาฟอกผ้าขาวเช่น คลอร็อกซ์

- ละอองเกสรดอกไม้ หรือของหญ้าและวัชพืช อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าบริเวณบ้านมีสนามหญ้า ควรให้ผู้อื่นตัดหญ้า และวัชพืชในสนามบ่อยๆ เพื่อลดจำนวนละอองเกสรของมัน และไม่ควรนำต้นไม้ ดอกไม้สดหรือแห้งไว้ในบ้าน ในช่วงที่มีละอองเกสรมาก ควรปิดประตูหน้าต่าง และใช้เครื่องปรับอากาศ และทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเช้า เพราะละอองเกสรจะปลิวมากช่วงตอนเย็น

การ กระทำดังกล่าวข้างต้นจะสามารถบรรเทาอาการของโรคลงได้อย่างมาก นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยง สารระคายเคืองต่างๆ หรือปัจจัยชักนำบางอย่าง ที่จะทำให้อาการของโรคมากขึ้น เช่น ฝุ่น, ควันบุหรี่, ควันจากท่อไอเสียรถยนต์, มลพิษจากโรงงาน, ควันธูป, กลิ่นฉุนหรือแรง เช่น กลิ่นสีหรือน้ำหอม กลิ่นจากน้ำยาหรือสารเคมีต่างๆ

อากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป การเปิดแอร์หรือพัดลมเป่าโดยตรง การดื่มหรืออาบน้ำเย็น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของอากาศอย่างรวดเร็ว ถ้าต้องการเปิดแอร์นอน ควรตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส ถ้าใช้พัดลม ไม่ควรเปิดเบอร์แรงสุด ควรนอนอยู่ห่างจากเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมพอสมควร ไม่ควรเปิดแอร์หรือพัดลมจ่อ ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอ เช่น ควรนอนห่มผ้า, ใช้ผ้าพันคอ หรือใส่ถุงเท้าเวลานอนด้วย

ในกรณีที่ไม่ชอบห่มผ้า หรือห่มแล้วชอบสะบัดหลุดโดยไม่รู้ตัว ควรใส่เสื้อหนาๆ หรือใส่เสื้อ 2 ชั้น เข้านอน นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงการอดนอน การดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่
อาหารบางชนิดที่แพ้โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยเป็นโรคแพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล ถั่ว ไข่ นม เนื้อสัตว์ หลีกเลี่ยงยาบางชนิดโดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืด เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดกระดูก ยาคลายกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยควรสังเกตว่าสารใด หรือภาวะแวดล้อมอะไร หรือการปฏิบัติอย่างไร ที่ทำให้อาการของโรคมากขึ้น ควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น จะเห็นได้ว่าการรักษาโรคภูมิแพ้แท้ที่จริงแล้วเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ของผู้ป่วยให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดอาการนั่นเอง

2. การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยารับประทาน, ยาพ่นจมูก, ยาทาผิวหนัง, ยาสูด หรือพ่นคอ, ยาหยอดตา ซึ่งมีความจำเป็นในระยะแรก เนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคืองต่างๆ 100% อย่างไรก็ตาม ยาเป็นเพียงการรักษาปลายเหตุ เมื่อสามารถดูแลตนเอง และควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ความจำเป็นในการใช้ยาก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและไม่ควรซื้อยามาใช้เอง ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งให้ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนชนิด หรือขนาดของยา แล้วแต่การตอบสนองต่อการรักษา จึงควรมาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการใช้ยาสูงสุด และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด ในกรณีที่ผู้ป่วยจะเดินทาง ควรเตรียมยาชนิดต่างๆที่รักษาอาการโรคภูมิแพ้ของตนให้พร้อม เช่น ยาแก้แพ้, ยาแก้อาการคัดจมูก, ยารักษาไข้หวัด, ยาขยายหลอดลม, ยาทาผิวหนังอักเสบ, โลชั่นปรับผิว ลดการระคายเคืองและโลชั่นบำรุงผิวป้องกันผิวแห้ง ในกรณีที่มีอาการกำเริบจะได้มียาไว้ใช้ในการรักษาหรือบรรเทาอาการ ผู้มีอาการมากหรือมีอาการเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุมอาการให้ดีก่อน เดินทาง 1-2 สัปดาห์ และระหว่างเดินทางก็ควรใช้ยาให้ต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ และควรมีบันทึกของแพทย์ติดตัวอยู่ตลอดว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดใด มีอาการอะไรบ้าง ในกรณีฉุกเฉินเกิดอาการแพ้ขึ้น จะให้การรักษาอย่างไร

3. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (allergen immunotherapy) เป็นการรักษา โดยฉีดสารก่อภูมิแพ้ ที่คิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เข้าไปในร่างกายทีละน้อย แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวน เพื่อให้สร้างภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ วิธีนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมาก ไม่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา หรือไม่สามารถทนผลข้างเคียงของยาได้ หรือผู้ที่มีโรคภูมิแพ้หลายชนิดร่วมด้วย วิธีนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง ถ้าได้ผลดี อาจต้องฉีดต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี

4. การรักษาโดยการผ่าตัด ใช้ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ซึ่งให้การรักษาโดยการใช้ยาอย่างเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้น หรือมีโรคบางอย่างร่วมด้วย เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด เยื่อบุจมูกบวมมากผิดปกติ ริดสีดวงจมูก ไซนัสอักเสบ ซึ่งไม่ดีขึ้นหลังให้การรักษาด้วยยา
โดยสรุป โรคภูมิแพ้นั้น สามารถรักษาให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้ สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนบุคคลปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้โดยปราศจากโรคแทรกซ้อน ทั้งนี้การรักษามิได้ขึ้นอยู่กับการใช้ยาเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องของผู้ป่วยด้วย

2555/05/15

JUST RELAX นวดอโรมา ย่านรามอินทรา


ร้านตึกแถวเพียง 1 คูหา หน้าปากซอยรามอินทรา 58  ชื่อร้าน "JUST RELAX"
บรรยากาศสบายๆ ที่คุณสัมผัสได้ ใกล้ๆ แค่นี้เอง


รูปแบบร้านเป็นร้านนวดเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ
ตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศเหมือนสปามีทั้งหมด 19 เตียง แต่ราคาไม่แพง
เน้นความสะอาดและมาตรฐานการนวดที่ได้มาตรฐาน
พนักงานที่นวดทุกคนล้วนมีประสพการณ์ และมีประกาศนียบัตรทุกคน
สถานที่อยู่ติด
ถนนรามอินทรา กม.9 ปากซอยรามอินทรา 58 อยู่เยื้องแฟชั่นไอส์แลนด์

>บริการต่างๆสำหรับบุคคลทั่วไป
- นวดแผนไทย 2 ชั่วโมง / 300
- นวดฝ่าเท้า 1 ชั่วโมง / 200
- นวดน้ำมัน 1 ชั่วโมงครึ่ง / 500
- นวดอโรมา 1 ชั่วโมงครึ่ง / 700
- นวดประคบ 1 ชั่วโมงครึ่ง / 500

เปิดบริการ วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 22.00 น.
วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 22.00 น.
โทรจองล่วงหน้าได้ที่ 02 – 9485446-7

2554/08/26

โรค "มือ เท้า ปาก"พันธุ์ใหม่


เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้แทนกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคมือ เท้า ปากในเด็กเล็กว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่พบผู้เสียชีวิตจากโรคมือ เท้า ปาก โดยเริ่มพบการระบาดของโรคตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระหว่างขาขึ้นของการระบาด

นพ.สุวรรณชัยแถลงว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยจะพบเชื้อมือ เท้า ปาก ที่เรียกว่าค็อกซากี (Coxsackie) ไวรัสชนิดเอ 16 แต่จากการเฝ้าระวังรอบการระบาดในปี 2554 พบว่ามีเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Entero Virus 71) หรืออีวี 71 มีความสัมพันธ์กับการทำให้สถานการณ์ของโรคระบาดรุนแรงขึ้น อีกทั้งการระบาดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป แต่ครั้งนี้พบการระบาดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ โดย 1 ในผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว อายุเพียง 1 ขวบ 8 เดือน ทั้งนี้ การที่อายุของการระบาดต่ำลงทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแล เพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกความผิดปกติได้เท่าเด็กโต ทำให้อาการทรุดหนักและเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

"การระบาดที่รุนแรงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากระบบเฝ้าระวังบกพร่อง แต่เกิดจากลักษณะของเชื้อและความรุนแรงของเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเด็กมีอายุน้อยลง ทำให้ภูมิต้านทานลดลง การควบคุมโรคทำได้ยาก ดังนั้น กรมควบคุมโรคจะสืบประวัติของผู้ป่วยเด็กเล็กที่มีอาการหนักและเสียชีวิตในห้องไอซียู และผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงย้อนหลัง เช่น มีแผลในปาก มีการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจรุนแรง มีอาการชัก เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังต่อไป" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า สำหรับเด็กที่เสียชีวิตอีก 3 ราย อยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเป็นเชื้ออีวี 71 หรือไม่ ต้องใช้เวลาเป็นเดือน นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอีก 1 ราย จึงขอให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวถามว่า ในต่างประเทศมีการระบาดของโรคนี้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ล่าสุดมีข้อมูลจากประเทศเวียดนามพบผู้ป่วยกว่า 23,000 ราย เสียชีวิตกว่า 80 ราย ซึ่งพบเชื้ออีวี 71 ปะปนอยู่เช่นกัน

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พญ.ดวงพร อัศวราชันย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) พระนครศรีอยุธยา และกุมารแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ป่วยมือเท้าปากส่วนใหญ่เป็นเด็ก เฉพาะในเดือนกรกฎาคมพบผู้ป่วยที่ รพ.จำนวน 39 ราย และเดือนสิงหาคมนี้มีเด็กป่วยแล้วจำนวน 20 ราย ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดเป็นโรคมือเท้าปากในกลุ่มของเชื้อชนิดเดิมคือเชื้อไวรัสค็อกซากี แต่ยังไม่พบกลุ่มของโรคมือเท้าปากที่เป็นเชื้อชนิดใหม่

"โรคมือเท้าปากจะติดจากสารคัดหลั่งในระบบทางเดินอาหาร เช่น น้ำลาย โดยเฉพาะเด็กจะติดโรคได้ง่าย เนื่องจากมืออาจจะไปสัมผัสโดนเชื้อ แล้วหยิบจับอาหารเข้าปาก ส่วนใหญ่จะติดเชื้อจากที่โรงเรียน เพราะเป็นที่รวมของเด็กๆ พ่อแม่ต้องเฝ้าดูอาการของลูกๆ ซึ่งอาการของโรคมือเท้าปากในกลุ่มเชื้อไวรัสค็อกซากี จะมีไข้ต่ำต่อเนื่อง เบื่ออาหาร มีเม็ดตุ่มขึ้นในลำคอและตามข้อพับมือเท้าและที่สำคัญคือจะมีน้ำลายไหลต่อเนื่อง หากลูกๆ มีอาการดังกล่าวให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้และรีบพบแพทย์เพื่อรักษา แต่หากเป็นโรคมือเท้าปากชนิดใหม่จะแสดงอาการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีไข้สูงขึ้นและอาจชักหรือหัวใจวายเฉียบพลันได้ ถือว่าอันตรายมากหากพบแพทย์ไม่ทัน ทั้งนี้ โรคมือเท้าปากระบาดไม่เกี่ยวกับภาวะน้ำท่วม" พญ.ดวงพรกล่าว
ที่มา : มติชน 26 ส.ค.54

2554/08/17

กฎแห่งแรงดึงดูด นำมาใช้ให้ถูกทาง

“กฎแห่งแรงดึงดูด” (Law of Attraction) มีในหนังสือที่ขายดีมากๆ อยู่เล่มหนึ่ง ชื่อว่า “The Secret” เขียนโดย Rhonda Byrne ซึ่งเป็นสตรีชาวออสเตรเลีย และได้รับการแปลเป็นภาษาไทย โดยกวีซีไร้ท์ คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อัมรินทร์ฯ ได้ยินว่าในฉบับภาษาไทยนั้น จำหน่ายไปแล้วราวหนึ่งแสนเล่ม เพียงชั่วระยะเวลาเพียงสองเดือน จนหนังสือขาดตลาด พิมพ์ใหม่แทบจะไม่ทัน
เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้ นำเสนอเรื่อง “กฎแห่งแรงดึงดูด” (Law of Attraction) อย่างชนิดเนื้อๆ และล้วนๆ ซึ่งต้องนับถือความเก่งของคนเขียนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้น่าอ่าน เพลิดเพลิน เร้าใจ กระชับ และต้องยกนิ้วให้ทีมงานของเขาที่ทำการตลาดให้กับหนังสือเล่มนี้ได้อย่างยอด เยี่ยม จนมียอดขายชนิดถล่มทะลายไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่เมืองไทยที่เคยมีผลสำรวจว่า โดยเฉลี่ยคนไทยอ่านหนังสือกันปีละไม่เกิน 7 บรรทัดเท่านั้น!

จริงๆ แล้ว “กฎแห่งแรงดึงดูด” นี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ประการใด เคยมีผู้เขียนหนังสือว่าด้วยเรื่องนี้ไว้เป็นการเฉพาะหลายต่อหลายเล่มแล้วใน รอบร้อยปี หรือสิบปีที่ผ่านมา ยังไม่นับที่มีการอ้างอิงถึงกฎนี้ หรือหลักการนี้ไว้ตรงโน้นตรงนี้ในหนังสืออีกหลายต่อหลายเล่ม และถ้าจะพูดกันให้ถึงที่สุดแล้ว “กฎแห่งแรงดึงดูด” นี้ มันก็คือกฎแห่งธรรมชาติ หรือกฎแห่งจักรวาล ซึ่งอยู่คู่โลกและอยู่คู่กับมวลมนุษยชาติมานับเป็นพันๆ ปี หรือนับตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกแล้วก็ว่าได้ ถ้าโลกนี้ หรือจักรวาลนี้มีกฎว่าด้วยแรงโน้มถ่วง (LAW OF GRAVITY) กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ก็เป็นกฎที่เป็นจริงอย่างนั้นเหมือนกัน และถ้าโลกนี้ หรือจักรวาลนี้มีกฎว่าด้วยกฎแห่งกรรม หรือกฎแห่งการกระทำ หรือที่พระท่านบอกว่า “อิทัปปัจยตา” แล้ว กฎแห่งแรงดึงดูดนี้ ก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

Law Of Attraction ได้ ในความคิดที่สมองเราประมวลออกจะจำแนกได้ 5 ข้อหลักๆ ก็สามารถสร้าง "กฎแรงดึงดูด" ได้
1) State your intention
2) Write down your intention , so you don't forget in order to remimd you of your goals.
3) Create your reality in your mind
4) Act as if it has already happened
5) Take some action !!

ดูแล้วพิจารณา และใช้เวลากับเรื่องนี้ นานหน่อยนะถ้าต้องการ



2554/07/07

เด็ก 5 ขวบ ก็ล้างจมูกเองได้

เด็ก 5 ขวบ ก็ล้างจมูกเองได้..
ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ก็ต้องค่อยๆ ฝึกโดยในช่วงเริ่มต้น ผู้ใหญ่ต้องสาธิตให้เขาเห็นก่อนว่าการล้างจมูก ไม่ทำให้เราเจ็บ และถือเป็นเรื่องสนุก
หลังจากนั้น ผู้ใหญ่ก็ทำเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้เกิดความเคยชิน และค่อยๆ ชวนเด็กมาร่วมกันทำด้วย.

ในวันแรกๆ จะต้องช่วยเขาล้าง และใช้น้ำเกลือน้อยๆ เพื่อให้การล้างนั้นทำด้วยความรวดเร็ว และผู้ใหญ่ต้องคอยเป็นกำลังใจ และให้ความช่วยเหลือตลอดในช่วงการล้างจมูกในระยะแรกๆ

หลังจากนั้น เด็กจะทำได้ด้วยตัวเอง และก็จะสนุกกับการล้างจมูก ดังคลิปที่จะนำมาให้ชมนี้เอง



อุปกรณ์ก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วๆไป
1. หลอดสลิง ล้างจมูก ขนาด 20-30 ซีซี
2. น้ำเกลือบริสุทธิ์ ราคาขวดละประมาณ 40-50 บาท (แล้วแต่ร้านที่ท่านไปซื้อ)
3. แ้ก้วน้ำที่บ้าน
4. ผ้าเช็ดหน้า (หลังจากล้างจมูกเสร็จเรียบร้อย)


การล้างจมูกมีประโยชน์
- ช่วยล้างมูกเหนียวขันที่ไม่สามารถระบายออกได้เอง
- ทำให้โพรงจมูกสะอาด อาการหวัดเรื้อรังดีขึ้น
- การระบายหนองจากไซนัสดีขึ้น
- ป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอด
- ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้
- ให้ความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุจมูก
- บรรเทาอาการคัดแน่นจมูกทำให้หายใจโล่งขึ้น
-บรรเทาอาการระคายเคืองในจมูก
- การล้างจมูกก่อนใช้ยาพ่นจมูกจะทำให้ยาพ่นจมูกมีประสิทธิภาพดีขึ้น
- ควรล้างจมูกเมื่อมีน้ำมูกเหนียวข้นจำนวนมาก ก่อนใช้ยาพ่นจมูก

นับข้อดีได้มากมายขนาดนี้แล้ว ก็มาเริ่มล้างจมูกกันเถอะ...

2551/07/29

หักห้ามใจเลิกดูดนิ้ว แล้วค่า..






หลังจากโดนกดดันมานาน ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็หักดิบ เลิกดูดนิ้วซะที ช่วง 2-3 วันแรก
ดูเธอน่าสงสารมาก เฝ้าแต่ดูนิ้วโป้งสุดรัก อยากจะเอาเข้าปากแต่ก็พยายามตัดใจ ก็ทุกคนในบ้านบอกหนูว่าเลิกดูดแล้วนิ้วจะสวยนี่นา
ตอนก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานทั้งคนที่ไม่ได้เลิกและคนที่เลิกมาก เจ้าตัวเล็กนอนกระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่งอยู่นั่นแล้ว ไม่ยอมหลับซะที มือก็จับผ้าขนหนูคู่กายเอาถูกับปากแทน เดือดร้อนแม่ที่อยากนอนเต็มแก่
ในที่สุดหลังจากฟาดหัวฟาดหางเป็นชั่วโมงเจ้าตัวเล็กก็สิ้นฤทธิ์สลบไปจนได้ เฮ้อกว่าแม่จะได้นอน ลุ้นแทบตาย คิดๆแล้วก็อยากให้กลับมาดูดนิ้วเหมือนเดิม แต่ช้าก่อน ถ้าโทรมาตอนนี้ เอ๊ย ถ้าไม่ใจแข็งตอนนี้ปล่อยให้ดูดต่อไป นิ้วคงเน่าก่อนโตเป็นสาวแน่ ดังนั้นต้องสู้ต่อไปนะลูกรัก
และแม่ด้วยเพราะตอนนี้ตาเป็นหมีแพนด้าเข้าไปทุกทีแล้ว : (


2551/02/18

The Main Causes of Liver Damage are

ถ้าหากคุณยังมีปัญหาในการนอนหลับ พิษและของเสียที่อยู่ในร่างกายย่อมจะสะสมและเป็นปัญหาต่อสุขภาพและอารมณ์ของคุณเอง
The main causes of liver damage are: สาเหตุหลักที่ทำลายตับของคุณคือ

1. Sleeping too late and waking up too late are the primary causes.
นอนดึกและตื่นสายเป็นต้นเหตุลำดับต้น ๆ

2. Not urinating in the morning.
การไม่ปัสสาวะในตอนเช้า

3. Too much eating.
ทานจุเป็นประจำ

4. Skipping breakfast.
ไม่รับประทานอาหารเช้า

5. Consuming too much medication.
บริโภคยามากเกินไป

6. Consuming too much preservatives, additives, food coloring, and artifi cial sweetener.
บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สีผสมอาหาร วัตถุปรุงแต่ง และน้ำตาลเทียม

7. Consuming unhealthy cooking oil. As much as possible reduce cooking oil use when frying, which includes even the best cooking o ils like olive oil. Do not consume fried foods when you are tired, except if the body is very fit.
บริโภคน้ำมันที่ใช้ทำอาหารซึ่งด้อยคุณภาพและไม่เป็นประโยชน์ ถ้าหากคุณสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันในการทอดอาหารซึ่งรวมถึงการใช้น้ำมันที่ดีที่สุดที่ใช้ทำ อาหารเช่นน้ำมันมะกอก จงหลีกเลี่ยงการบริโภคของทอดเมื่อคุณมีอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย ยกเว้นถ้าหากร่างกายคุณฟิต

8. Consuming overly done foods also add to the burden of liver. Veggies should be eaten raw or cooked 3-5 parts. Fried veggies should be finished in one sitting, do not store.
บริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงมากเกินไปย่อมสร้างภาระแก่ตับ ผักควรทานสด ๆ หรือผ่านการทำให้สุกเพียง 3-5 ส่วน ผักที่ผ่านการผัดควรจะบริโภคให้หมดในมื้อเดียว อย่าเก็บไว้ทานในมื้ออื่น ๆ

We just have to adopt a go od daily lifestyle and eating habits. Maintaining good eating habits and time condition are very important for our body to absorb and get rid of unnecessary chemicals according to 'schedule.'
เราจะต้องพยายามปรับวิถีการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะนิสัยการกินการปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีและดูแลปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับป ระโยชน์และสามารถกำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ในร่างกายตามตารางเวลาที่ควรจะเป็น

Because:
เพราะ

Evening at 9 - 11pm : is the time for eliminating unnecessary/ toxic chemic als (de-toxification) from the antibody system (lymph nodes). This time duration should be spent by relaxing or listening to music. If during this time a housewife is still in an unrelaxed state such as washing the dishes or monitoring children doing their homework, this will have a negative impact on her health.
ช่วงเวลากลางคืน 3 ทุ่ม - 5 ทุ่ม : เป็นระยะเวลาที่ร่างกายจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยระบบต่อต้านเชื้อโรคในร่างกาย (ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองในร่างกาย) ช่วงเวลานี้ควรจะต้องถูกใช้ไปในการพักผ่อนหรือผ่อนคลายด้วยการฟังดนตรี ถ้าหากช่วงเวลานี้แม่บ้านยังคงวุ่นอยู่กับงานบ้านเช่นล้างจานหรือดูและเด็กให้ทำการบ้าน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลลบต่อร่างกาย

Evening at 11pm - 1am : The de-toxification process in the liver, and ideally should be done in a deep sleep state. Early morning 1 - 3am : de-toxification process in the gal l, also ideally done in a deep sleep state.
ช่วงเวลากลางคืน 5 ทุ่ม - ตี 1 : กระบวนการกำจัดสารพิษในตับ และแน่นอนควรจะต้องอยู่ในช่วงการนอนหลับสนิท ในช่วงเช้าระหว่างเวลาตี 1 ถึง ตี 3 นั้น กระบวนการกำจัดสารพิษในน้ำดีก็ควรจะเป็นช่วงแห่งการนอนหลับสนิทเช่นกัน

Early morning 3 - 5am : de-toxification in the lungs. Therefore there will sometimes be a severe cough for cough sufferers during this time. Since the de-toxification process had reached the respiratory tract, there is no need to take cough medicine so as not to interfere with toxin removal process.
ช่วงเวลาตี 3 - ตี 5 : การกำจัดสารพิษในปอดเพราะฉนั้นอาจจะมีอาการไออย่างรุนแรงสำหรับผู้ที่มีปัญหาการไอในช่วงเวลาดังกล่าว ตอนนี้กระบวนการกำจัดสารพิษจะเข้าสู่ระบบท างเดินหายใจแล้ว และก็ไม่จำเป็นที่คุณจะใช้ยาแก้ไอเพื่อที่จะได้ไม่ไปขัดขวางขั้นตอนการกำจัดสารพิษในร่างกาย

Morning 5 - 7am : de-toxification in the colon, you should empty your bowel.
ช่วงเช้า ตี 5 - 7 โมงเช้า : การกำจัดสารพิษในปลายลำไส้ใหญ่ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้พุงและลำไส้ของคุณว่างลง

Morning 7 - 9am : Absorption of nutrients in the small intestine, you should be having breakfast at this time. Breakfast should be earlier, before 6:30am, for those who are sick. Breakfast before 7:30am is very beneficial to those wanting to stay fit. Those who always skip breakfast, they should change their habits, and it is still better to eat breakfast late until 9 -10am rather than no meal at all. Sleeping so late and waking up too late will disrupt the process of removing unnecessary chemicals. Aside from that, midnight to 4am is the time when the bone marrow produces blood.
ช่วงเช้า 7 - 9 โมงเช้า : การดูดซึมสารอาหารสู่ล ำไส้เล็ก คุณควรจะต้องทานอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ อาหารเช้าควรจะก่อน 6.30 น. สำหรับผู้ป่วย อาหารเช้าที่ทานก่อน 7.30 น. นั้นดีต่อผู้ที่ต้องการมีร่างกายสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ผู้ใดที่ไม่ทานอาหารเช้าตลอดเวลาควรจะต้องรีบเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เสีย และการทานอาหารเช้าในช่วงสายตั้งแต่ 9 - 10 น. ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรลงไปในท้องเลย การนอนดึกตื่นสายนั้นเป็นปัญหาต่อกระบวนการทำลายของเสียในร่างหาย นอกจากนั้นช่วงเที่ยงคืนถึงตี 4 ก็ยังเป็นเวลาที่ร่างกายผลิตเลือด

Therefore, have a good sleep and don't sleep late.
เพราะฉนั้น อย่านอนดึกและอย่านอนตื่นสาย

Sharing Is Caring!
การแบ่งปันเป็นการแสดงความห่วงใย

Live Well & Worry Less.
ขอให้มีสุขภาพดีและไม่มีความกังวล