2563/05/11

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

สรุปงานสัมมนา รวมพลคนทันหุ้น Online 09/05/2020

โดย Pathaipoom Songkroh 

--------———-

มุมมองนักลงทุนรายใหญ่

เสี่ยยักษ์

- ราคาหุ้นนำความคิด หลายๆคนรอซื้อหุ้น ราคาหุ้นลงจาก 20 บาท ไป 10 บาท ตอนนี้ขึ้นมาที่ 15 บาท จะตัดสินใจยากแล้ว

- Day Trade ช่วงนี้ยาก 50/50 ลงทุน ณ เวลานี้ตัดสินใจยาก

- Covid-19 โอกาสเกิด wave 2 ยาก เพราะทุกคนเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่เหมือน 3 เดือนก่อน อยู่ที่เม็ดเงินแล้ว ว่าจะดันหุ้นขึ้นต่อไหม

- จากเดิม ลงมาหมดทุกตัว ตอนนี้บางตัวขึ้นมา 30 50 70 100 % แต่จากจุดนี้ จะอยู่ที่พื้นฐานแล้ว บางตัวโดนตีหัวลงมา บางตัวได้สัมปทานที่กัมพูชา ก็ขึ้นได้ จากนี้ไปจะเลือกตัวเล่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด โควิดให้ระวังไว้ได้ แต่อย่าไปกลัว ตอนนี้มองขึ้นยาก ต้องหาตัว Big Shot ให้เจอ ลงทุนในระยะยาวพอสมควร

- ตลาดตัว P/E 5 เท่าก็มี แต่ไม่เล่น ไปเล่นตัว 80 เท่ากัน สมัยก่อนซื้อหุ้น P/E 5 เท่าอย่าง PTT ตอน 70 บาท เลยรวยหุ้นได้ หุ้นจะขึ้นหรือลงตอนนี้มันอยู่ที่แฟชั่น มีอนาคต TESLA AMAZON หุ้นยังขึ้นไปได้
 
- หุ้น Property P/E 3 เท่า 5 เท่า ก็ไม่มีใครเล่น ผู้บริหารที่ดี มีธรรมาภิบาล เค้าเชื่อมั่นมากกว่า ธนาคารปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช่เอาตัวเลขมาคูณแล้วจะซื้อ ณ จุดนั้น มันไม่ใช่แล้ว

- AOT ตอนนี้ทำไมไม่มีคนขาย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดจะขาย มีแต่จ้องจะซื้อ คนที่ Short มา โดนไฟช๊อตตลอด สิ่งที่คิดมันแพ้

- การลงทุน ณ เวลานี้เยอะๆ ยังไม่แนะนำ โอกาสตรงนี้ชนะได้น้อย แพ้แพ้เยอะ ไม่ต้องรีบร้อน

- หาหุ้นแชมเปี้ยน ณ ตอนนี้ที่มี upside เยอะๆ มันยากแล้ว ถ้าเจอแล้วก็ต้องกล้าถือ แบบมีน้ำหนักการลงทุน ถึงจะได้ Big Shot, แล้วจะซื้อตอนไหน ซื้อตอนนี้ก็มีโอกาสได้ล้างชาม ไม่ได้กินกะเค้า

- เฝ้าหุ้นที่เราลิสท์ไว้ทุกวัน ถ้าไม่มี new low พื้นฐาน 3 ปี 5 ปีข้างหน้ามันยังดี Volume เข้า กราฟ Month บีบ กราฟ Day Week มา นั่นละ Big Shot

- New Normal ในหุ้นมันไม่มี เล่นซี้ซั้วไม่ได้ 

----------------------------------------------------------------

เสี่ยป๋อง

- ไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะเด้งเร็วขนาดนี้ ทำใจที่จะ follow ตามยาก มองว่าตอนนี้เด้งมาแล้ว รอให้ pull back ลงมา ตอนนี้ขึ้นมาจุดนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะพอร์ตว่าง

- New Normal ราคาหุ้นนำความคิดไปแล้ว ทั้ง Covid ห้าง สนามบิน ที่ยังแย่อยู่ แต่ราคาหุ้นนำไปแล้ว

- ดูกราฟย้อนหลัง ยังไม่เคยเจอเด้งแรงแบบนี้ ทุกครั้งก็จะมีการปรับตัว Pull back ลงมา จะไป 1600 จุดเลยไหม ก็ไม่รู้ ตอนนี้อยู่ wave 1 รอ Pull back wave 2 แล้วซื้อตอนเป็น wave 3 ถ้าหุ้นไม่ลงมา ก็ไม่รู้จะทำยังไง คิดไม่ออก

- การ Pull back ส่วนใหญ่จะมีระยะครึ่งทาง

- ทุกประเทศ Inject เงินกันหมด, QE unlimited, Junk Bond ก็มีคนช่วย

- รอบเด้งที่ผ่านมา คิดว่าเด้งเพื่อลงต่อ โดยมีการเล่นปริมาณน้อย แค่10% ขึ้นมานิดหน่อยก็ขาย

- มีเปิด short ไปวันพฤหัส วันศุกร์ขึ้นมาก็ต้องปิด Posotion ไป

- คนพูดถึง Negative Interest Rate ฝากเงินที่ Bank ต้องเสียเงิน เม็ดเงินก็เลยต้องมาเข้าตลาดหุ้น

- พวก AI, Robot มีสัญญาณซื้อมา ก็ต้องซื้อ พื้นฐานไม่สนใจ

- ทุกคนอยู่บ้าน ว่างกันหมด มีเงินสดอยากซื้อหุ้นกัน มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา

- ตลาดหุ้น EPS นักวิเคราะห์คาดปีนี้อยู่ที่ 72 ถ้า SET 1266 P/E อยู่ 17.58 เท่า แต่บางคนมองปีหน้า EPS จะกลับมาที่ 85 เอา 1266 หารด้วย 85 จะได้ P/E 14.89 เท่า ในภาวะปกติ P/E จะ 16 เท่า คนเลยมองปีหน้าว่าจะฟื้นกันแล้ว ถ้าเอา 85 คูณ 16 เท่า ก็จะได้ SET 1360 จุด หรือจะให้ 17 เท่า 20 เท่าก็แล้วแต่

- ก็ได้แต่รอ ว่าจะลงมาเมื่อไหร่ ทุกวันนี้เล่นแค่ 10-20% ของพอร์ต ถ้าไม่ลงมา ก็ไม่กล้าอัดพอร์ตใหญ่

- มีความเป็นไปได้สูงว่า Bottom ไปแล้ว เพราะยืนเหนือ 1214 จุดได้ แต่ถ้าลงมาครึ่งทาง ระหว่าง 969 กับ 1300 ก็คือ 1135 จุด เราไม่รู้ขา wave 2 จะลงมาไหม หรือลงมาเท่าไหร่ หรือจะวิ่งไป 2000 จุดเลยก็ได้

- กำลังหาหุ้นยาวๆแบบ ดร.นิเวศน์บ้าง

- เทคนิคอลที่สวยช่วงนี้คือ Day Week แต่ Month ยังไม่สวย แค่เด้งแรง ลุยตอนนี้ก็ยาก เพราะขึ้นมาหมดแล้ว ถ้าอยู่ๆ มันลงไปครึ่งทาง เราอาจจะไปคัทลอสตอนนั้น

- คนมันดูกราฟ เวลาหุ้นจะตก มันทนได้ไหม ตอนมกราคม เคยบอกว่าถ้าหลุด 1524 จุด มันก็ต้องขาย

- ทุกครั้งที่มางานสัมมนาทันหุ้น หุ้นจะตกหนักทุกครั้ง

- หลักการเลือกหุ้นช่วงนี้ เลือก Most Active ตัวที่มี movement แล้วก็เล่นตามเค้า ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายวันรุ่งขึ้น

- หุ้นในดวงใจ มีรายได้มั่นคง ผูกขาด แต่ตอนนี้ขอต่อราคานิดนึง

----------------------------------------------------------------

เจาะลึกหุ้น BEM จากผู้บริหาร

- พื้นฐานเกิดจากเอา 2 บริษัทมารวมกันได้ 3 ปีกว่าแล้ว คือทางด่วนกับรถไฟฟ้า (BECL + BMCL)

- Covid-19 ทางด่วนไม่ได้รับการผลกระทบ แต่กระทบจากการเคอร์ฟิว จาก 1 ล้าน หายไป 50% เหลือ 5 แสน แต่จากการปลดล็อก ก็กลับมาที่ 7 แสนแล้ว แต่ระบบรางจะกระทบกับรายได้อยู่แล้ว สิ่งที่กระทบตอนนี้คือการทำ Social Distancing ของระบบรางทั้งโลก ตอนนี้ Passenger รถไฟฟ้ากลับมา อยู่ที่ 25% จากวันที่แย่ๆ เหลือ 10%

- ถ้าเราได้สายรถไฟฟ้าที่ทำออกมาแล้ว success ก็จะดีกว่าได้มาหลายๆสายที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สายสีส้มเป็นสายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นสายที่ตัดกับสายสีน้ำเงิน ลักษณะตะวันตกไปตะวันออกเกือบ 40 กิโล ศูนย์ซ่อมก็ติดอยู่กับสายสีน้ำเงิน CK บริษัทลูกก็พร้อมที่จะจัดการเรื่องอุโมงค์ รวมถึงสายสีม่วงส่วนต่อขยายก็เป็นสายทีอยากได้
____________________

นักวิเคราะห์ 3 ท่าน

คุณบอม สรพล บล.กสิกรไทย

- ตลาดหุ้น drive ด้วย sentiment ของอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ เหนือปัจจัยพื้นฐานในประเทศ ตอนนี้จะเริ่มออกจาก sentiment กลับไปสู่ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ

- หุ้นอเมริการอบนี้ผลักด้วยด้วยกลุ่มเทคฯขึ้นมา อย่าง AMZN MSFT AAPL NFLX PYPL รายได้เติบโต 15-25% หุ้นดันตลาดลง จะเป็นพวก New Economy กับ Old Economy JPM WFC BA XOM BRK/B

- บ้านเราผลักดันชึ้นมาจาก GULF MAKRO BAM STARK STA ตัวกดตลาด PTT AOT SCB PTTEP KBANK ซึ่งจะคล้ายกับต่างประเทศเลย

- New Normal : Growth Stock แซง Value Stock ไปแล้ว ในรอบ 50 ปี

- เศรษฐกิจไทย มองเป็น U Shape ตัด V กับ L ออกไป ตอนนี้ทุก sector ตอนนี้โดนหมด ยกเว้น Bank ที่ยังไม่ล้มเหมือนตอนปี 2008หุ้นกู้พอมีสัญญาณเริ่มล้ม Bank ชาติ FED ECB BOJ ก็ออกมาช่วย

- 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ได้แกว่งตัวตามปัจจัยในประเทศ แต่ correlate กับอเมริกาถึง 80% แต่จากนี้ก็จะตามปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวก ได้แก่ Vaccine, Phase 2 deal, OPEC (20m cut) วันที่ 10 พ.ค., FED (ETF), Corporate Tax Cut ปัจจัยลบ ได้แก่ 2nd wave (30%), Impact to Bank (15%), High Valuation (50%), Cancel Phase1 deal (15%) เชื่อว่าทรัมพ์แค่ออกมาขู่

- Covid-19 แตกต่างจาก GFC-08 เนื่องจากธนาคารกลางมีบทเรียนและปรับตัวเร็ว

- จุดซื้อ ควรอยู่จุดไหน ดู Earning Yield Gap ได้ที่ 1220 จุด (-0.25 to +0.25 EPS12F @75 SET 1220 - 1360) แนวต้านเดือน พ.ค. 1320 จุด

- วิกฤติตอนนี้คือ หลายวิกฤติรวมกัน Sector ที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาได้ดี มีพลังงาน+โรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, ขนส่ง (AOT+BEM)

- Stress Test จาก Covid-19 ท่องเที่ยวกระทบ 90% สายการบินกระทบ 100% รถไฟฟ้า ค้าปลีกกระทบ 30-40% Utility โรงไฟฟ้า 10% ICT 15% ค่าเฉลี่ยทุก Sector จะอยู่ที่ 50% รัน Stress Test ออกมาแล้ว Sector ที่น่าเป็นห่วงคือ สายการบิน โรงแรม และ Property

- Sector ที่จะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ โรงพยาบาล ICT Commerce และ โรงไฟฟ้า ส่วน Sector ที่ต้องระมัดระวังคือ ท่องเที่ยว และ Property โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมจะไม่ perform กลับไปแบบเดิมได้จาก New Normal

- คัดเลือกหุ้น SET 1320 จุด ตึงๆ เลยวัดด้วยอัตราปันผล ราคาหุ้นที่ยังขึ้นมาน้อย และ Yield ดี ได้แก่ JASIF

- Stock Picks : Theme Well Diversified ได้แก่

1. EGCO (@363.0) : Low risk & Well diversified ไม่ได้ขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง (ไทย 57%  ฟิลิปปินส์ 12% ลาว 10% เกาหลี 16%) ประเภทของโรงไฟฟ้า (Gas 56% Hydro 10% Co-Power 25% แล้วก็ลมกับแดด) : Strong balance sheet with low net D/E at 0.6X ถือว่าต่ำ ตอนนี้มีอยู่ 5000 กว่า MW สามารถเพิ่มเป็น 10000 MW จากการกู้ได้เลย, Trading at low PER20 at 14x (Avg กลุ่ม36x)

2. PTTGC (@49.0) : Cheap Valuation among peers (0.6PBV), expect earning to recover in 2H20 (Olefins) (Olefins มี 50% ที่เหลือคือโรงกลั่นกับ Aromatics) จีนเริ่มฟื้นชัดเจนแล้ว ก็เลยประเมินว่า PolyEthylene (PE HDPE) Spread Q2 จะเริ่มฟื้น ตอนนี้ trade ต่ำกว่า -2SD ด้วยซ้ำ

3. CPALL (+TESCO + Cambodia) : Winner, less impacted among peers, SSSG ใน Q2 จะยังยืนอยู่ที่ -10% ได้ ในขณะที่ตัวอื่น -30% Valuation ยังอยู่ 78 บาท +/- ซึ่งยังไม่รวม TESCO กับ Cambodia ที่คาดว่าจะเปิด 2000-3000 สาขา (จากการเทียบสัดส่วนประชากรในไทยกับสาขาที่เปิด)​ TESCO ให้รายได้ 5200 ล้านปอนด์ ได้ Upside อีก 10 บาท +/- สำหรับ TESCO

4. BEM (@10.60 + Upside Project) : Expect ridership to bounce back to 50-60% in 2Q20 (better than forecasted), potential to win orange-line ยังไม่มีใครรวม upside สายสีส้มเลย, Social Distancing เลี่ยงการขึ้นรถไฟฟ้าไปขับรถขึ้นทางด่วนเอง, Valuation ถ้าใส่สายสีส้ม capacity 250,000 (Conservative) upside จะอยู่ที่ 1 บาท ถ้าขึ้นไปที่ 450,000 ก็จะได้มากกว่า 3 บาท แต่ของ BTS อาจต้องมี GULF STEC มา Conglomerate (กลุ่มบริษัทในเครือ) จะทำให้ได้ upside ไม่ถึง 3 บาท

----------------

คุณต้น เผดิมภพ บล.หยวนต้า

- ณ วันนี้ คนคาดหมายตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่จะออกมาไม่ดี ซึ่งจะออกมาแย่น้อยกว่าคาด สินทรัพย์เสี่ยงจะขึ้นได้ดี

- จีนเริ่มเห็นสัญญาณภาคการผลิตที่ยังเหนือกว่า 50 ส่งออกเริ่มมาเป็นบวก

- ธนาคารกลางต่างๆก็ออก QE ไม่อั้น ทำให้ช่วย sentiment

- Covid-19 Wave 2 คนกังวลว่าจะเกิดในอีก 2 เดือนข้างหน้า เหมือน ปี 1918

- สงครามการค้า ไม่น่ากลัวเหมือน 2 ปีที่แล้ว เพราะสิ้นปีนี้จะมีเลือกตั้งอเมริกา เพื่อให้ผลเลือกตั้งไปออกที่ทรัมพ์เหมือนเดิม ให้ balance ดีๆ

- P/E forward ตอนนี้สุงมากเกินไป เพราะ EPS โดนปรับลงมา

- หุ้นตอนนี้จะ sideway จนถึงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 1200 ต้นๆ – 1300 ต้นๆ ถ้าผลสำรวจเป็น U Shape หุ้นก็จะกลับมาขึ้นไปจนถึงปีหน้าจากการฟื้นตัว แต่ถ้ามี 2nd wave Covid-19 ก็จะคาดการณ์ยากแล้ว

- ตอนนี้เงินท่วมโลก สินทรัพย์ปลอดภัยมี upside ไม่เยอะ ตลาดหุ้นก็จะไม่ลงแรง อาจจะมีย่อบ้าง
- มองความเสี่ยงจากเรื่องของ Hedge Fund ว่าเม็ดเงินจะวิ่งไปทางไหน

- ถ้าโลกฟื้น อะไรจะมาก่อน สายพลังงานก็จะมาก่อนจาก Commodity ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ JPM UBS GS มองว่าน้ำมัน Bottom ไปแล้ว demand เริ่มมา supply จากที่เยอะๆ เริ่มลดลงแล้ว ส่งสัญญาณไปที่ Futures ที่กลับมามี position Long เลยมองว่า น้ำมัน ปิโตร โรงกลั่นจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้ แนะนำ TOP PTTGC PTT ส่วนจะเพิ่ม ESSO SPRC IRPC IVL PTTEP ก็เป็นตัวรอง

- การนำเข้าและการใช้จ่ายภาครัฐเป็น 2 ปัจจัยที่ปรับขึ้น มีการนำเข้าวัตถุดิบมากขึ้นในกลุ่มพลังงาน แต่การส่งออกยังไม่ดี ภาคการผลิตที่ดีคือ IC และ Semi-Conductor เลยทำให้กลุ่ม Electronic น่าสนใจ DELTA จะเป็นตัวหลัก และ HANA KCE เป็นตัวรอง

- สรุปหุ้นที่เลือก 4 ตัว คือ TOP PTTGC PTT DELTA
 
- และตัวที่ 5 คือ STA เป็น Commodity เหมือนกัน STA เองผลประกอบการก็ยังดี บริษัทลูก STGTผลิตถุงมือยางขายดี กำลังจะ ipo เข้าตลาดฯ

- ไม่ได้ดู Index เท่าไหร่ มองที่ตัวหุ้น แต่ถ้ามา 1300 ต้นๆ ก็ rebound กันหมดจนถึงเดือนกรกฎาคม แล้วมาดูเศรษฐกิจไตรมาส 2 ว่าจะเป็นตัว L หรือ U

ไม่มีความคิดเห็น: