2552/03/19

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

ผู้ที่เป็นบันดาลใจต่อการพัฒนานิสัยของผม ก็คือ คุณพ่อของผมเอง ท่านเพิ่งจากโลกนี้ไปเมื่อประมาณ 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ท่านจากไปด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ช่วงที่ท่านเจ็บป่วยอยู่นั้น ท่านก็ไม่ได้บ่น หรือเรียกร้องให้ลูกๆ ต้องรักษาอย่างดี หรือต้องอยู่กับท่านทุกวัน ตรงกันข้ามท่านกลับบอกว่าหากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ขอไม่อยู่ดีกว่า..ลำบากตัวเองและลำบากลูกหลานถึงแม้วัยของท่านจะล่วงเลยมาถึง 75 ปี แต่ท่านก็ยังแข็งแรงเรื่อยมาจนกระทั่งพบว่าเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เพียงแค่ระยะเวลากว่าครึ่งปีที่เจ้าเนื้อร้ายนี้อยู่ในตัวท่าน และแผ่ขยายไปด้วยความรวดเร็ว สุดท้ายท่านก็จากไปด้วยความสงบในพระพรของพระเป็นเจ้า ครอบครัวเรานับถือ และสวดมนต์กันเป็นประจำเวลาช่วงค่ำก่อนนอน แม้จะมีครบจำนวนคนบ้างไม่ครบบ้าง แต่คุณแม่ก็จะนำสวดสม่ำเสมอไม่มีขาด

คุณพ่อของผมเป็นพ่อค้า ร้านขายของชำ ค้าขายมาตั้งแต่หนุ่มๆ จนถึงอายุ 30 ปี ท่านก็ได้ซื้อห้องแถวไว้สองห้อง เพื่อเปิดเป็นร้านขายของโดยตั้งชื่อร้านว่า แสงชัยพานิช เป็นการสะสมเงินและเตรียมการมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เพื่อให้มีร้านขายของเป็นของตนเอง เพราะที่ผ่านมาจะต้องเช่าแผงของคนอื่น ซึ่งท่านก็มีความคิดว่าสักวันจะต้องมีร้านเป็นของตัวเองให้ได้ แล้วก็ทำสำเร็จจนได้

ขณะที่ร้านค้าใหม่นี้เพิ่งเปิด ตัวผมเองเพิ่งมีอายุได้แค่ หนึ่งขวบปีกว่าๆ ก็ยังจำความอะไรไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อได้เข้าเรียนหนังสือและเริ่มจำความได้ และมีหลายเหตุการณ์ที่คุณพ่อได้สอนไว้ เช่น เวลาผมจะกินขนมในร้าน ผมก็จะต้องขอคุณพ่อ หรือพี่สาวคนโตก่อนทุกครั้ง เพราะคุณพ่อบอกว่า ก่อนที่เราจะหยิบของคนอื่น หรือของในร้าน ต้องขออนุญาตเจ้าของก่อนเสมอ

คุณพ่อ มักจะเก็บกระดาษกล่อง หรือลังกระดาษต่างๆ เวลาที่เราแกะกล่อง และนำสินค้าต่างๆ ไปขายได้แล้ว ก็จะเหลือเศษกระดาษ หรือพวกขวดพลาสติก ขวดแก้ว ท่านก็จะเก็บไว้ และมัดไว้เป็นกองๆ สำหรับกระดาษ และใส่กระสอบไว้สำหรับพวกขวดพลาสติก หรือขวดแก้ว เพื่อจะได้นำไปขายให้กับร้านขายของเก่า เป็นการลดปริมาณขยะ และทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

ผมจำได้ว่ามีตู้เย็นใบใหญ่ๆ อยู่ใบหนึ่งเอาไว้แช่น้ำอัดลมให้ลูกค้าได้กินน้ำเย็นๆ ชื่นใจ บนตู้เย็นนั้นจะเขียนข้อความว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” เป็นตู้เย็นที่ซื้อมาหลังจากที่เปิดกิจการใหม่ และใช้ได้เป็นสิบปีเลยทีเดียว ตอนเด็กๆ ผมเคยคุยกับคุณพ่อถึงข้อความข้างบนว่า ผมเคยถามว่า “ซื่อ เป็นอาหารหรือขนมและมันกินได้ด้วยหรือครับ?“ แต่คุณพ่อก็อธิบายว่า “ซื่อ คือ ความซื่อสัตย์กับลูกค้า เวลาพวกเราเป็นพ่อค้าถ้าค้าขายต้องมีความซื่อสัตย์ อย่างเช่นกรณีตักน้ำตาลทรายขายให้กับลูกค้าก็ต้องตักให้ครบปริมาณที่ลูกค้าต้องการ และถ้าคิดเงินก็ต้องคิดเงินให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่โกงลูกค้า หากพวกเรา ซื่อสัตย์และลูกค้าเชื่อถือ ลูกค้าก็จะกลับมาซื้อกับเราอีก ทำให้เรามีเงินไปซื้อกับข้าวมากินได้ตลอดไม่มีวันหมดอย่างไงล่ะ“

ส่วนคำว่า คด คือ คดโกง เพราะถ้าหากเราคดโกงลูกค้า ขายของหมดอายุ ขายของไม่ดีให้กับลูกค้า ลูกค้าก็จะไม่มาซื้อกับเรา และทำให้เราไม่มีรายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราก็คงมีกินอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นจงจำไว้ว่า หากพวกเราจะทำกิจการ หรืออยู่ในที่ทำงานแห่งใด จงมีความซื่อสัตย์ และจดจำคำนี้ไว้ให้ตลอดเวลา

“ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”

ไม่มีความคิดเห็น: