แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุทาหรณ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุทาหรณ์ แสดงบทความทั้งหมด

2559/11/03

ตุลา พาพิเคราะห์

ตุลา 44 เศรษฐกิจเฟื่องฟู
ตุลา 49 การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองอีกครั้ง
ตุลา 54 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมประเทศ
ตุลา 59 เกิดเหตุการณ์กษัตริย์สวรรคต น้ำตานองทั่วประเทศ
...
แล้ว ตุลา 64 จะเป็นเช่นไร???
เศรษฐกิจดีขึ้นด้วยระบบดิจิตัล รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นรถแท็กซี่

2559/05/27

อุบัติเหตุเกิดได้เสมอ...มีสติไว้นะ

เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย..กับการขับรถที่ใช้โทรศัพท์ไปพร้อมกับความเร่งรีบ...
สองแรงเลยเบรคไม่ทัน..จะปัดไปซ้ายก็ไม่อยู่...เลยชนไปดังปังงงงงงงง

2555/08/15

จิตใต้สำนึก พลังแห่งผลสะท้อน


ผู้ที่แสดงออกซึ่งความคิดเชิงลบ หรือความคิดเชิงทำลายแบบปากต่อปากแน่ใจได้เลยว่าจะต้องได้รับผลของคำพูดเหล่านั้นในรูปของ "ผลสะท้อน" ที่เป็นอันตราย เพียงการปลดปล่อยกระแสความคิดเชิงทำลายแต่อย่างเดียวโดยไม่มีคำพูดช่วย ก็สามารทำให้เกิด "ผลสะท้อน" มากมายกว่าหนึ่งทางด้วยเช่นกัน

ข้อแรก ผู้ที่ปลดปล่อยความคิดที่เป็นภัยออกมา จะต้องพบกับผลร้ายอันเนื่องมาจากความเสียหายของความสามารถในการจิตนาการอย่างสร้างสรรค์

        ข้อสอง อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นอันตรายซึ่งสถิตอยู่ในจิตนั้นจะสร้างบุคลิกภาพในเชิงลบที่เป็นรังเกียจของคน และบ่อยครั้งจะเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นศัตรู

         และผลร้ายข้อที่สาม ที่จะเกิดแก่ผู้ที่คิดหรือปลดปล่อยความคิดเชิงลบออกมาก็คือ ความจริงที่ว่ากระแสความคิดเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังจะแทรกตัวลงฝังในจิตใต้สำนึกของผู้ที่ปลดปล่อยมันออกมาและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในนิสัยของคนผู้นั้นด้วย

เครดิต : นโปเลียน ฮิลล์  NAPOLEON HILL



2554/09/16

ไฟฟ้าช็อต ผลกระทบ อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด Electric Shock


ไฟฟ้าช็อต เป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยในสถานที่ต่าง ๆ การใช้ไฟฟ้า อาจเกิดจากความประมาทเผลอเรอ การใช้เครื่องไฟฟ้าผิดวิธี หรือจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น

ผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญ คนงานโดนไฟฟ้าช๊อต ขณะซ่อมใบพัดกังหันน้ำเติมอากาศ ในบ่อน้ำ และมีการเปิดกระแสไฟฟ้าโดยประมาท.. ทำให้ คนงานถูกช๊อต.. หมดสติ และรีบนำส่ง รพ. นับว่าโชคดีที่อาการดีขึ้นแล้ว และปลอดภัยดี..
ดังนั้น จึงนำเกร็ดความรู้ มาฝาก.. เผื่อให้ใครเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้จะได้ตั้ง สติได้


คนที่ถูกไฟฟ้าช็อตอาจมีอาการรุนแรงแตกต่างกันไป (ตั้งแต่บาดแผลไหม้เพียงเล็กน้อยจนกระทั่งตาย) ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างเช่น

1. ลักษณะของผิวหนังส่วนที่สัมผัสถูกไฟฟ้า ถ้าผิวหนังแห้งจะมีความต้านทานสูง เกิดอันตรายน้อย แต่ถ้าผิวหนังเปียกชื้น (เช่น มีเหงื่อหรือเปียกน้ำ) หรือมีบาดแผลสด (เช่น ถูกมีดบาด เข็มแทง หรือแผลถลอก) จะมีความต้านทานต่ำ เกิดอันตรายได้สูง

2. ชนิดของกระแสไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง (directcurrent) เช่น ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่
หรือถ่านไฟ จะทำอันตรายได้น้อย ส่วนไฟฟ้ากระแสสลับ (alternting current) จะทำอันตรายได้มาก กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำ (เช่น ขนาด 50-60 รอบต่อวินาที) จะมีอันตรายร้ายแรงกว่าความถี่สูง กระแสไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านถือว่าเป็นชนิดที่มีอันตรายสูง

3. ตำแหน่งและทางเดินของกระแสไฟฟ้าในร่างกาย ถ้าไฟฟ้าวิ่งจากแขนไปแขน หรือ
แขนไปเท้า จะมีอันตรายกว่าจากเท้าลงดิน เพราะสามารถวิ่งผ่านและทำอันตรายต่อหัวใจ (ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ) หรือถ้ากระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านสมอง (ทำให้หยุดหายใจ) วิ่งผ่านกล้ามเนื้อ (ทำให้ชัก กระดูกหักหรือกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต)


อาการขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว
บางคนเมื่อถูกไฟฟ้าช็อต อาจเพียงแต่ทำให้ล้มลงกับพื้น (ถ้าตกจากที่สูงก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้) หรือของหล่นจากมือ ถ้าเป็นรุนแรงอาจมีอาการฃักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย แล้วตามด้วยอาการตื่นเต้น หายใจเร็ว และหมดสติ อาจหยุดหายใจหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นอันตรายถึงตายได้ทันที

บางคนอาจหมดสติชั่วครู่ เมื่อฟื้นขึ้นมาอาจรู้สึกปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และมีความรู้สึกหวาดผวาได้

นอกจากนี้ อาจทำให้เกิดบาดแผลไหม้ตรงผิวหนังและกินลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นแผลไหม้สีเทาและไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าบาดแผลมีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ เช่นเดียวกับบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก และอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้

บางคนอาจมีกระดูกสันหลัง และกระดูกส่วนอื่น ๆ หัก เนื่องจากการชักกระตุก หรือตกจากที่สูง บางคนอาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก มีอาการซีดเหลือง

การปฐมพยาบาล
เมื่อพบคนที่ถูกไฟฟ้าช็อต ควรรีบให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
1. รีบปิดสวิตช์ไฟ หรือถอดปลั๊กไฟทันที

2. ถ้าทำไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยให้คนที่ถูกไฟฟ้าช็อตหลุดออกจากสายไฟที่มีกระแสไฟวิ่งอยู่ โดยผู้ที่ทำการช่วยเหลือจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างสูงเขาต้องยืนอยู่บนฉนวนแห้ง ๆ เช่น ไม้กระดาน กระดาษ หนังสือพิมพ์ ผ้าห่ม เสื่อ ผ้ายาง หรือผ้า แล้วใช้ด้ามไม้กวาด ไม้กระดาน ขาเก้าอี้ หรือไม้เท้าไม้ที่แห้ง เขี่ยสายไฟให้พ้นจากผู้ป่วย หรือดันร่างกายส่วนที่สัมผัสไฟให้หลุดออกจากสายไฟห้ามใช้โลหะ หรือวัตถุที่เปียกน้ำเป็นอันขาด ควรใช้ไม้หรือฉนวนไฟฟ้าที่แห้ง และห้ามมิให้แตะต้องตัวผู้ป่วยโดยตรงจนกว่าจะหลุดพ้นออกจากสายไฟเสียก่อน

3. ควรตรวจดูการหายใจ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจทันที ถ้าหัวใจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้) ให้ทำการนวดหัวใจพร้อมกันไป จนกว่าจะหายใจได้เอง
ถ้าผู้ป่วยหายใจได้เอง แต่ยังหมดสติควรจัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่าพักฟื้น และให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยหมดสติจากสาเหตุอื่น

4. รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลด่วน และควรตรวจดูการหายใจอย่างใกล้ชิด ถ้าหยุดหายใจ
ควรเป่าปากช่วยมาตลอดทางจนกว่าจะถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด

2554/07/02

เด็ก 4 เดือน สำลักนม เสียชีวิตได้

อุทาหรณ์ชีวิตจากเรื่องจริง

เป็นพนักงานในที่ทำงาน... ขณะที่เธอกำลังนั่งเคลียร์เอกสารอยู่ในบริษัท ก็มีโทรศัพท์จากที่บ้าน และพูดคุยด้วยอาการตื่นตระหนกแล้วรีบแจ้งกับผมทันทีว่า "พี่หนู. ขอกลับไปก่อนนะค่ะ..ลูกนอนแล้วไม่หายใจ จะรีบไปโรงพยาบาล" และน้องคนนั้นก็โทร.แจ้งหัวหน้างานตรงเพื่อให้ช่วยดูแลงานต่อไปให้ด้วย
...................
เด็ก 4 เดือน ในวันที่อยู่กับคุณพ่อ ที่คอยให้นมลูกน้อย.. และหลังจากให้นมก็ไม่ได้ทำให้เด็ก เหรอ (อ๊อกนม)
ออกมาก่อน ปล่อยให้เด็กนอนคว่ำหน้า และให้เขาเล่นไปมาตามปกติ พร้อมกับหลับไป
หลังจากนั้นซักพัก คุณพ่อเริ่มเห็นอาการว่าทำไมหน้าอก หรือตัวไม่กระเืพื่อม จึงเข้าไปดูและพบว่าลูกน้อยหยุดหายใจ และตัวเริ่มเขียว...

รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน..... และติดต่อผู้ใหญ่ และภรรยาของตัวเอง.. เพื่อไปที่โรงพยาบาล
เมื่อถึงโรงพยาบาล ก็รีบนำเข้าห้อง ไอซียู ในเย็นวันนั้น... แต่ก็ช้าเกินไป..เด็กน้อยยังไม่รู้สึกตัว และคุณแม่ก็อยู่เคียงข้างลูกน้อย พร้อมกับพูดว่า

ถ้าลูกสู้ แม่ก็จะสู้ แต่ถ้าลูกไม่ไหว ก็ขอให้ลูกพักผ่อนเถอะนะ

คุณหมอแจ้งว่า.. สาเหตุเกิดจากการที่น้ำนมสำลัก เข้าไปอยู่ในปอดนานเกินไป ทำให้ระบบการหายใจติดขัด.. เมื่อเข้าไปในห้อง ไอซียู ก็ทำการดูดน้ำนมออกมาจากปอด และต่อท่ออ๊อกซิเจนเข้าไปช่วยทำระบบหายใจดีขึ้น พร้อมกับแจ้งว่า ทีมหมอจะช่วยให้ถึงที่สุด แต่ไม่รับปากนะครับ ว่าน้องจะรอดหรือไม่ แต่ถ้ารอดก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา....

หลังจากนั้นไม่นาน.. คุณหมอ ก็เรียกให้คุณแม่เข้าไปดูลูกน้อยอีกครั้ง...
หัวใจของลูกน้อย..ก็ค่อยๆ ช้าลง ช้าลง.. และจากไปอย่างสงบ เป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ บนสวรรค์.. แต่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่แทบจะขาดใจ..

ลูกน้อยที่กำลังน่ารัก, ที่กำลังจะส่งเสียงเจื้อยแจ้ว... ต้องจากไปด้วยอุับัติเหตุ ที่ไม่มีใครอยากให้เป็น
ทั้งหมดนี้ขออนุโมทนาบุญกุศลทั้งหลาย ให้กับครอบครัวนี้ และขอให้เป็นอุทาหรณ์แ่ก่ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้

++++++++++++++++++++++++

ความรู้จากโรงพยาบาล
ลูกสำลักนม น้ำ ข้าว หรือสิ่งแปลกปลอม

วิธีรับมือ : เช็กเรื่องการไหลของน้ำนม ถ้าไหลเร็วและมากเกินไป เวลาลูกดูดให้ใช้นิ้วคีบที่หัวนมเอาไว้ และระวังไม่ให้เต้านมไปปิดปากหรือจมูกของลูกด้วยค่ะ ส่วนการป้อนน้ำจากขวดก็ควรตรวจเรื่องความร้อนและการไหลของน้ำ อย่าปล่อยให้น้ำไหลเร็ว เพราะเด็กอาจกลืนไม่ทันแล้วเกิดอาการสำลักน้ำได้

ข้าวและสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กวัย 6 เดือนขึ้นไป โดยมากจะพบในกรณีของว่าง เช่น ถั่ว หรือขนมที่เป็นเม็ด ที่เด็กยังเคี้ยวไม่ได้ ทำให้ติดคอหรือเกิดอาการสำลักได้ ควรให้ลูกนอนตะแคงใช้ผ้าอ้อมพันนิ้วหรือลูกสูบยางดูดออกมา ถ้าสำลักขั้นร้ายแรง น้ำหรือนมเข้าปอดแล้วเกิดอาการปอดบวม อาการคือตัวเขียว เหมือนจะหยุดหายใจ ควรรีบเอาลูกสูบยางดูดแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลค่ะ