จึงขอนำมาลงในที่นี้..
การประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ
Business Leaders an Agents of Economic and Social
Inclusion
จัดที่
New Synod hall นครวาติกัน
ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2559
จัดโดยสมณกระทรวงยุติธรรมและสันติ และ Uniapac
(ชมรมนักธุรกิจคริสตชนระดับโลก)
การประชุมนี้เพื่อสนองตอบสมณสาร
Evangelii Gaudium และ
Laudato Si
โดยผู้เข้าร่วมการประชุม
ประมาณ 450 คน จาก
41 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ พระสังฆราช และพระสงฆ์จานวนหนึ่ง
เนื้อหาหลัก ๆ สรุปได้ดังนี้
ธุรกิจ (การทำมาค้าขาย) เป็นกระแสเรียกที่สูงส่ง นำมาซึ่งการสร้างความมั่งมี
(Wealth) พัฒนาโลกให้ดีขึ้นและสร้างอาณาจักรของพระเจ้า ประเด็นใหญ่คือ
ต้องเสาะหาวิธีที่จะให้มนุษย์แต่ละคนได้ร่วมรับประโยชน์ เช่น กลุ่มต่างๆ ในสังคม และเศรษฐกิจที่ถูกละเลยจากระบบสวัสดิการและการพัฒนา
เพื่อนำไปสู่ความมั่งคั่งที่ทุกคนมีส่วนร่วม
การทำหน้าที่การงาน (Work) นั้น ต้องเพิ่มคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์
เพื่อความบริบูรณ์ในชีวิตของแต่ละคนและครอบครัว เพื่อธุรกิจหรือวิชาชีพ แต่ควรต้องมีความสมดุลระหว่างบริษัทใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ทั้งระยะกลางและระยะยาว
การผลิตสินค้าที่ดีมีประโยชน์ มีกระบวนการผลิตและการบริหารงานที่ดี
นำมาซึ่งความมั่นคั่งที่ดีและยุติธรรม เป็นความมั่งคั่งที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Common good)
ระบบทุนและการเงินต้องใช้สาหรับการสร้างเศรษฐกิจแท้ (โดยผลิตสินค้าและบริการ) และไม่ใช้เงินในการเก็งกำไร ต้องเน้น Impact Investing (หรือที่เรียกกันว่า Capital 2.0) คือ การลงทุนต้องวัดไม่แค่ผลตอบแทนการลงทุนจากเกณฑ์การเงิน
(IRR) เท่านั้น แต่ต้องวัดผลตอบแทนแก่สังคมและผลตอบแทนต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
และดังนั้นเงินจึงมีความหมายที่ดี (ต่อชีวิตคริสตชน) และเมื่อเงินถูกใช้ไปในการสร้างสิ่งดี ๆ และพัฒนาความเจริญของโลก สุดท้ายก็จะได้รับผลตอบแทนทางการเงินที่ดี
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ที่เสนอในการประชุม
ความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัว (Work-Life balance) โอกาสในการทำงาน โอกาสที่พนักงานมีส่วนร่วมในการบริหารองค์กรให้มีธรรมาภิบาล
(Good governance) โอกาสของสตรีในงานและการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน
มีการพูดถึงเยาวชนรุ่นใหม่ (Gen Y) ซึ่งมักจะเปลี่ยนงานทุกๆ
2-3 ปี ซึ่งเป็นปัญหาของผู้จ้างงาน แต่จากการศึกษาพบว่า เยาวชนเหล่านี้ต้องการทำงานที่มีความหมายต่อสังคม
เขาจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น (Passion) ต้องการเป็นหุ้นส่วน และต้องการความใส่ใจ
(Care for people) ซึ่งหากเข้าใจเขาดีพอ เขาจะเป็นผู้ร่วมงานที่มีคุณค่าอย่างมาก
ธุรกิจเพื่อสังคม
(Social Enterprise) เหนือความรับผิดชอบต่อสังคม (Beyond
Corporate Social Responsibility) จำต้องเริ่มภายในจากทุกฝ่ายงานของบริษัท
ที่จะสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social innovation) เพื่อวางแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติที่ชัดเจนที่จะให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดได้รับประโยชน์จากกิจการของบริษัท
ตัวอย่างที่ดีที่ได้นำมาแบ่งปันบางเรื่อง
บริษัทขนส่ง (Logistic) ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศสหรัฐอเมริกา รับคนพิการทุกประเภทเข้ามาทำงานมากถึง 1/3 ของพนักงานทั้งหมด และเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีผลกำไรดี
ทั้งนี้ผู้บริหารของบริษัทเชื่อในศักยภาพของคนทุกคน และสามารถปลุกจิตสานึกของพนักงานทุกคนให้ช่วยเพื่อนพนักงานให้ได้ดีที่สุด
ซึ่งผลก็คือ ไม่เพียงแต่คนพิการสามารถทำงานได้ไม่แพ้คนปกติ นอกเหนือจากนั้นพนักงานรักกันและเอาใจใส่ต่อกันและกัน
เป็นบริษัทที่ทุกคนมีความสุขในการทำงาน
บริษัทจำหน่ายสุขภัณฑ์และเซรามิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ได้ปรับการว่าจ้างพนักงานขนส่ง ให้เป็นผู้รับจ้างงาน โดยบริษัทจัดหารถขนส่ง วัสดุอุปกรณ์
รวมที่พักให้กับครอบครัว และผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างมากน้อยตามงานที่ทำ นำครอบครัวมาช่วยงานได้
เป็นการสร้างผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงการตั้งวิทยาลัยอาชีวะทางด้านอาชีพเซรามิค โดยให้ลูกๆผู้รับจ้างงานและเยาวชนที่ขัดสนและสุ่มเสี่ยงต่อสภาพสังคมได้เรียนฝึกอาชีพโดยไม่คิดค่าเล่าเรียน
มีที่พักให้ และนักศึกษายังสามารถรับจ้างงานในวันหยุด รวมทั้งจัดหางานให้ผู้จบการศึกษา
เป็นการให้โอกาสอาชีพแก่เยาวชน และการฝึกอบรมเยาวชนให้เป็นคนมีคุณธรรม
ข้อคิดจากจิตตาภิบาลของ Uniapac
พระเยซูคริสตเจ้าได้นำมนุษย์ทุกคนให้คืนดีกับพระเจ้า (Reconcile) พระองค์นำความรอดมาสู่มวลมนุษย์ และดังนั้นมนุษย์ต้องเจริญชีวิตตามแบบฉบับของพระองค์
การบริหารธุรกิจแบบทุกคนได้ประโยชน์ (Inclusive) เป็นเรื่องยากและเป็นไปไม่ได้
ถ้าเรายังมีความคิด และความสัมพันธ์ระดับเพื่อนมนุษย์
แต่เป็นไปได้เมื่อนักธุรกิจมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างแท้จริง
ข้อเตือนใจจากพระสันตะปาปาฟรังซิส (เมื่อผู้เข้าประชุมเข้าเฝ้า)
ธุรกิจต้องไม่สร้างขึ้นเพื่อหาเงิน
ทำกำไร (Make money) แม้ว่าเงินหรือกำไรเป็นเครื่องมือทำให้ธุรกิจอยู่รอด
ธุรกิจต้องสร้างขึ้นเพื่อรับใช้
นักธุรกิจต้องทำให้กิจการส่งเสริมความดีส่วนรวม (Common good)
สรุปโดย :
คุณประจวบ ตรีนิกร
(ชมรมนักธุรกิจคาทอลิก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น